กก.ปฏิรูปประเทศ ด้านทรัพยากรธรรมชาติฯ เตรียมลงใต้ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี และระนอง รับฟังความเห็น ร่างแผนปฏิรูปทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งฯ 15-17พย. เดินสายให้ครบ23จ.ชายทะเล
บิ๊กหมวย พลเรือเอก อภิวัฒน์ ศรีวรรธนะ ประธานคณะทำงานเรื่องทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำคณะฯ เข้าหารือกับนายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่ง เกี่ยวกับแผนการปฏิรูปเรื่องทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
พลเรือเอกจุมพล ลุมพิกานนท์
รองปลัดกระทรวงกลาโหม และเลขานุการคณะทำงานเรื่องทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ด้านทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ในฐานะโฆษกคณะทำงานฯ กล่าวว่าคณะทำงานเรื่องทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เป็นหนึ่งใน 6 คณะทำงาน ภายใต้คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ด่านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล่อม โดยมี ดร.รอยล จิตรดอน ประธานกรรมการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม
โดยทั้ง 6 คณะทำงาน ประกอบด้วย เรื่องทรัพยากรทางบก เรื่องทรัพยากรน้ำ เรื่องทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เรื่องความหลากหลายทางชีวภาพ เรื่องสิ่งแวดล้อม และเรื่องระบบบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำหรับการดำเนินการของ คณะทำงานฯ ได้พิจารณาถึงแนวทางการดําเนินงาน
ภายใต้คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยดําเนินงานเกี่ยวกับการ
มีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ในการจัดทําแผนการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งสร้างความรับรู้ความเข้าใจ และ ติดตามผลการดําเนินงานตลอดระยะเวลา 5 ปีนี้
โดยคณะทำงานฯ จะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดทําแผนและขั้นตอน
การปฏิรูป โดยจัดลําดับความสําคัญของเรื่องเร่งด่วน ซึ่งจะนําข้อเสนอการปฏิรูปและผลการดําเนินการที่ผ่านมา ขององค์กรและคณะกรรมการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น สปช. สปท. สนช. องค์กรตุลาการ มาร่วมพิจารณาเพื่อจัดทําร่าง แผนการดําเนินการปฏิรูปฯ ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคมนี้ และนําเสนอ
ต่อคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ และ คณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
โดยคณะทํางานฯ กําหนดกรอบการปฏิรูปไว้3 กรอบการปฏิรูป
1.การปฏิรูประบบฐานข้อมูล ซึ่งเมื่อปฏิรูปแล้วจะทําให้ประเทศไทยมีระบบฐานข้อมูล
ด้านทรัพยากร ทางทะเลและชายฝั่งที่ครอบคลุม มีการแบ่งเขตการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรฯ ที่ได้มาตรฐานและเป็นธรรม ตลอดจนมีการวางแผนเชิงพื้นที่ทางทะเล (Marine Spatial Planning : MSP)
รายจังหวัดที่ชัดเจน ซึ่งสามารถนําไปวางแผนและใช้ประโยช์จากทรัพยากรฯ ในพื้นที่ได้อย่างมีคุณภาพ
2.การปฏิรูปองค์กร กฎหมาย และการมีส่วนร่วม ซึ่งจะก่อให้เกิดการปรับสมดุลโครงสร้างองค์กร ในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายทางทะเลให้ทันสมัยและ
สอดคล้อง กับอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ.1982 และข้อตกลงระหว่างประเทศต่างๆ ที่ไทยเป็นภาคี รวมทั้งระบบการบริหารจัดการองค์ความรู้ทางทะเลที่สามารถสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึง
3.การปฏิรูปการดูแลรักษาทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเมื่อปฏิรูปแล้วจะทําให้มีการกําหนด แนวทางการดูแล รักษา แก้ไขปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้อย่างสมดุลและยั่งยืน อาทิ ปัญหาขยะทะเล มลพิษ แร่ธาตุและพลังงาน การประมง สัตว์ทะเล ปะการัง การกัดเซาะชายฝั่ง และการส่งเสริม ความร่วมมือระหว่างประเทศด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมทางทะเล
ทั้งนี้ ได้กําหนดพื้นที่ “อ่าวไทยตอนใน” (อ่าวไทยรูปตัว ก) เป็นตัวอย่างความสําเร็จของการแบ่งเขต จังหวัดทางทะเล และ “พื้นที่อ่าวพังงา” เป็นตัวอย่างความสําเร็จของการอนุรักษษทรัพยากรฯ ทางทะเล ซึ่งคณะทํางานฯ จะได้ใช้เป็นแบบอย่างในการขยายผลและการดําเนินการตามกรอบการปฏิรูป
และหลังจากได้ร่างแผนปฏิรูปฯ ตามกรอบการปฏิรูป ในเบื้องต้นแล้ว คณะทำงานฯ จะเริ่มลงพื้นที่เพื่อดูแบบอย่างความสําเร็จและร่วมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนบริเวณพื้นที่ติดชายฝั่งทะเลทั่วประเทศ ซึ่งในวันที่ 15-17 พฤศจิกายนนี้
โดยจะเริ่มในภาคใต้เป็นแห่งแรก โดยกําหนดจัดที่จังหวัดชุมพร ซึ่งจะเชิญหน่วยงานทุกภาคส่วน และประชาชนในพื้นจังหวัดชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี และระนอง เพื่อรับฟังความคิดเห็น และจะดำเนินการรับฟังความคิดเห็นให้ครบทั้ง 23 จังหวัดชายทะเล ซึ่งเป็นหนทางที่นําไปสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง
โดยคณะทำงานฯ จะขับเคลื่อนทุกภาคส่วนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อนำความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน มาสู่ทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่ง
สำหรับการเข้ามาหารือของคณะทำงานฯ กับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการดูและทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการร่วมกันขับเคลื่อนแผนปฏิรูปฯ ให้เกิดการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสู่ความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม
Cr.Wassana nanuam
เกรียงไกร นุชศรี
สำนักข่าววิหคนิวส์