ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #เรียกร้องปฏิรูปสถาบัน ! นักวิชาการเสื้อแดงโผล่แถลงการณ์หนุนม๊อบ

#เรียกร้องปฏิรูปสถาบัน ! นักวิชาการเสื้อแดงโผล่แถลงการณ์หนุนม๊อบ

20 October 2020
685   0

 


วันนี้ ( 20 ต.ค. 63 ) ที่ เชิญสะพานชมัยมรุเชฐ บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง หรือ คนส. นำโดยรองศาสตราจารย์ด็อกเตอร์อนุสรณ์ อุณโณ คณบดีคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ยื่นแถลงการณ์ เรื่องหยุดสลายการชุมนุมและขจัดผู้เห็นต่าง สร้างทางออกให้ประเทศไทย ซึ่งมีรายชื่อนักวิชาการทั้งจากทั่วประเทศและต่างประเทศแนบท้ายขณะนี้จำนวนกว่า 1,118 รายชื่อ

.
โดยมีนายประทีป กีรติเรขา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นผู้แทนมารับหนังสือ และข้อเรียกร้อง ซึ่ง โดยนายอนุสรณ์ หวังว่า แถลงการณ์จะไปถึงนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นผู้ที่มีพระอำนาจสูงสุด ที่จะคลี่คลายปัญหา เพราะสถานการณ์ขณะนี้มาถึงวิกฤตแล้ว หลังรัฐบาลไม่เปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นจึงทำให้เกิดการขยายตัวของการคับข้อง ขุ่นเคืองของกลุ่มเด็กๆ พร้อมกดดันว่า เครือข่ายให้เวลา รัฐบาล 1 สัปดาห์ ในการดำเนินการตามข้อเรียกร้อง หากไม่สนองตอบ จะงดเว้นการเรียนการสอน

.
ทั้งนี้ รองศาสตราจารย์ด็อกเตอร์อนุสรณ์ ได้อ่านแถลงการณ์เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง เรื่อง หยุดสลายการชุมนุมและขจัดผู้เห็นต่าง สบร้างทางออกให้ประเทศไทย
การชุมนุมของนักเรียนนิสิตนักศึกษารวมถึงประชาชนตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยมีปัญหาหลายด้านที่ซับซ้อนและโยงใยกันอย่างแน่นหนา จำเป็นจะต้องได้รับการแก้ไขในระดับรากฐาน และกลุ่มผู้ชุมนุมก็ได้เสนอแนวทางแก้ไขมาโดยลำดับ บนฐานของข้อเท็จจริง หลักการ และเหตุผล โดยมีผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นตัวตั้ง อีกทั้งยังเป็นไปอย่างสงบและปราศจากอาวุธ ทว่ารัฐบาลไม่เพียงแต่ไม่รับข้อเสนอของกลุ่มผู้ชุมนุมไปพิจารณา หากแต่ยังขัดขวางในลักษณะต่างๆ ทั้งการตั้งข้อหาและจับกุมคุมขังแกนนำและผู้เข้าร่วม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงและการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมคืนวันที่ 16 ตุลาคม 2563 ที่ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บและสถานการณ์บานปลาย ไม่มีแนวโน้มจะคลี่คลายลงแต่อย่างใดทั้งนี้ก็เพราะว่าปัญหาที่ประเทศไทยประสบเป็นผลมาจากความเหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรม กลุ่มคนที่มีความแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นชาติสกุล เชื้อชาติ ศาสนา อุดมการณ์ อาชีพ เพศ ภูมิลำเนา ฯลฯ ไม่ได้รับการจัดสรรประโยชน์ สิทธิ และอำนาจกันอย่างเท่าเทียม จะแก้ปัญหาอย่างแท้จริงได้ก็ต้องเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้แสดงออกและต่อรองกันอย่างเสมอหน้า ไม่ใช่โดยการปกปิดหรือบิดเบือนผ่านการหว่านล้อมกล่อมเกลา หรือโดยการใช้กำลังเข้ากดปราบหากไม่สยบยอม ดังที่เกิดขึ้นกับกลุ่มผู้เห็นต่างตั้งแต่ต้นทศวรรษ 2550 เป็นต้นมา เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง (คนส.) พร้อมกับนักวิชาการรวมถึงประชาชนที่มีรายชื่อแนบท้ายจำนวน 1,118 รายชื่อ จึงขอแสดงจุดยืนและข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลดังนี้

.
1. ขอประณามการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมของนักเรียนนิสิตนักศึกษาและประชาชนบริเวณแยกปทุมวันคืนวันที่ 16 ตุลาคม 2563 เพราะเป็นการจัดการกับการชุมนุมที่ไม่เป็นไปตามหลักการและขั้นตอนที่เป็นสากล และเป็นการใช้กำลังที่ไม่ได้สัดส่วนหรือเกินกว่าเหตุ เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้มีอาวุธ ไม่ได้มีพฤติการณ์รุนแรง และจำนวนมากเป็นเยาวชน รัฐบาลจะต้องยุติการสลายการชุมนุมและรับผิดชอบต่อความผิดพลาดนี้

.
2. รัฐบาลต้องยุติการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการขจัดผู้เห็นต่าง ต้องยกเลิกการตั้งข้อหาและต้องปล่อยตัวผู้ชุมนุมทุกคนอย่างไม่เงื่อนไข เพราะผู้ชุมนุมได้ใช้สิทธิตามที่ได้รับการรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญและกติการะหว่างประเทศที่ประเทศไทยลงสัตยาบัน ต้องยกเลิกการใช้กฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เอาผิดผู้แสดงความเห็นต่างหรือวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล รวมถึงต้องยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงและการบังคับใช้กฎหมายที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพประชาชนอย่างไม่สมควรแก่เหตุ

.
3. รัฐบาลต้องรับข้อเสนอของกลุ่มผู้ชุมนุมไปพิจารณาอย่างจริงจัง ทั้งการให้นายกรัฐมนตรีลาออก การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตย โดยจัดตั้งคณะกรรมการศึกษาและให้ข้อเสนอแนะที่มาจากตัวแทนฝ่ายต่างๆ ในภาควิชาการ ประชาชน และนักเรียนนิสิตนักศึกษา เพราะปราศจากการเขียนกติกาสูงสุดที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น และปราศจากการจัดระเบียบอำนาจและประโยชน์ในสังคมที่เป็นธรรมกับทุกคน โอกาสที่ประเทศไทยจะพ้นจากวิกฤติที่ดำเนินมาอย่างยืดเยื้อยาวนานได้นั้นแทบจะไม่มี
เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง (คนส.) 20 ตุลาคม 2563

.
อย่างไรก็ตามเมื่อเวลา 08.00 น. เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมืองได้นัดรวมตัวกัน ที่ ลานปรีดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เพื่อตั้งขบวนและเดินเท้ามายังทำเนียบรัฐบาล

.