ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #”พล.อ.อ.ชวรัตน์” เผยผลสอบคืบหน้า เร่งหาข้อมูลทุกแง่มุมสรุปโดยเร็ว

#”พล.อ.อ.ชวรัตน์” เผยผลสอบคืบหน้า เร่งหาข้อมูลทุกแง่มุมสรุปโดยเร็ว

27 November 2017
721   0

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน พล.อ.อ.ชวรัตน์ มารุ่งเรือง รองเสนาธิการทหาร ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีการเสียชีวิตของนายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เปิดเผยกับสำนักข่าวไทย อสมท ว่าการรวบรวมข้อมูลต่างๆ มีความคืบหน้ามากพอสมควร หลังจากได้ลงพื้นที่สอบถามข้อเท็จจริงจากผู้เกี่ยวข้องในวันเกิดเหตุ คือ 17 ต.ค.2560 และย้อนหลังไปถึงวันที่ 23 ส.ค.2560 แต่ไม่ได้กำหนดกรอบเวลาว่าจะต้องสรุปผลการสอบสวนให้เสร็จภายในกี่วัน เนื่องจากต้องการรวบรวมข้อมูลในทุกแง่มุมให้ละเอียดรอบคอบ แต่จะรีบดำเนินการให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อไม่ให้ประเด็นปัญหาลุกลามสร้างความเสียหายแก่ทุกฝ่าย

อย่างไรก็ตาม หากเป็นไปได้ อยากจะเชิญพ่อแม่นักเรียนเตรียมทหารภคพงศ์มาสอบถามถึงการได้รับข้อมูลต่างๆ ว่ามีการสื่อสารผ่านใครบ้างหรือไม่ มีใครให้ข้อมูลที่บิดเบือนจนทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนหรือไม่ ซึ่งจะพยายามรวบรวมข้อมูลและข้อเท็จจริงให้ครอบคลุม 360 องศา ไม่มีการแบ่งว่าฝ่ายครอบครัว ฝ่ายทหาร ฝ่ายโรงเรียนเตรียมทหาร เพราะทั้งหมดเป็นผู้สูญเสียเช่นกัน พ่อแม่สูญเสียลูก พี่สูญเสียน้องชาย กองทัพสูญเสียกำลังพล บุคลากรที่มีค่า รุ่นพี่สูญเสียรุ่นน้อง

 

“ข้อเท็จจริงและหลักฐานทางการแพทย์จะเป็นสิ่งยืนยันทุกอย่าง และขอให้สังคมวางใจได้ว่าคณะกรรมการฯ ที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแต่งตั้งขึ้น แม้จะไม่มีบุคคลภายนอกร่วมด้วย ยืนยันว่ามีความเป็นธรรม และเที่ยงตรง คณะกรรมการฯ คงไม่ยึดเอาผลประโยชน์ส่วนบุคคลมาเป็นที่ตั้งมากกว่าผลประโยชน์ขององค์กร หรือสถาบัน องค์กรใดที่ไม่มีนิติธรรม บุคลากรไม่มีคุณธรรม องค์กรนั้นก็อยู่ไม่ได้” พล.อ.อ.ชวรัตน์ระบุ

สำหรับคำสั่งการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่ง พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ลงนามเมื่อวันที่ 23 พ.ย.2560 ได้ระบุในคำสั่งว่า เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงและแนวทางการดำเนินการต่างๆ เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย กรณีนักเรียนเตรียมทหารภคพงศ์ ตัญกาญจน์ ชั้นปีที่ 1 ตอน 13 รุ่น 60 เหล่า ทบ. เสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 ต.ค.2560 ณ โรงพยาบาลโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โดยคณะกรรมการฯ มีทั้งหมด 11 คน ประกอบด้วย

1.พล.อ.อ.ชวรัตน์ มารุ่งเรือง รองเสนาธิการทหาร เป็นประธานกรรมการฯ 2.พล.อ.ท.วีรพงษ์ นิลจินดา เจ้ากรมกำลังพลทหาร เป็นรองประธานกรรมการ 3.พล.ท.นเรนทร์ สิริภูบาล เสนาธิการสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ เป็นรองประธานกรรมการ 4.พล.ท.ณตฐพล บุญงาม เจ้ากรมข่าวทหาร 5.พล.ท.ศิราวุฒิ วงศ์ขันตี เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหาร 6.พล.ท.ชนินทร์ โตเลี้ยง จเรทหาร 7.พล.ท.พีรพงษ์ เมืองบุญชู ที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพไทย 8.พล.ต.พรพิศ รัตนานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระธรรมนูญทหาร 9.พล.ต.ชนะ ลิมิตเลาหพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักงานแพทย์ทหาร กรมยุทธบริการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย 10.พ.อ.ที่รัก สร้อยนาค ผู้อำนวยการกองการปกครอง กรมกำลังพลทหาร เป็นกรรมการและเลขานุการ 11.น.อ.เลิศชัย ภัทรมุทธา รองผู้อำนวยการกองการปกครอง กรมกำลังพลทหาร เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ

ส่วนอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯ คือ สอบสวนเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงถึงสาเหตุการเสียชีวิตของ นตท.ภคพงศ์ พร้อมข้อเสนอแนะแนวทางการดำเนินการต่างๆ , มีอำนาจในการเชิญบุคคลใดๆ มาสอบปากคำหรือซักถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น, ส่วนราชการในกองบัญชาการกองทัพไทย ให้การสนับสนุนในเรื่องที่คณะกรรมการฯ ร้องขอ และสรุปผลการสอบสวนข้อเท็จจริง พร้อมข้อเสนอแนะในการดำเนินการแล้วรายงานให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุดรับทราบ
เดินหน้าหาความจริงต่อ

ที่ร้านศิลาคอฟฟี่แอนด์บริสโต ม.5 ต.เสม็ด อ.เมืองฯ จ.ชลบุรี นายพิเชษฐ พร้อมด้วยนางสุกัญญา และ น.ส.สุพิชา ตัญกาญจน์ บิดา มารดา และพี่สาวของ “น้องเมย” ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนอีกครั้ง เพื่อกล่าวขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.), พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม รวมทั้ง พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ที่ให้โอกาสกับทางครอบครัวและรับปากว่าจะให้ความเป็นธรรม

นายพิเชษฐกล่าวว่า สิ่งที่ครอบครัวอยากฝากไปยังผู้ใหญ่ทั้ง 3 คนคือ การสร้างความกระจ่างเรื่องสาเหตุการเสียชีวิต รวมทั้งหากเกิดจากการถูกกระทำให้เสียชีวิต ขอให้นำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ พร้อมขอร้องให้ผู้ไม่หวังดีหยุดการให้ร้ายผู้ตายว่าฆ่าตัวตายเอง หรือแม้แต่เกิดจากโรคประจำตัว

“การออกมาให้ข่าวต่างๆ ไม่มีจุดประสงค์ที่จะโจมตีกองทัพหรือโรงเรียนเตรียมทหารให้ได้รับความเสียหาย เพียงแต่ต้องการเรียกร้องให้บุคลากรในโรงเรียนไม่ปล่อยปละละเลยผู้อยู่ในการดูแลจนเกิดเรื่องน่าเศร้า และหลังจากนี้ ครอบครัวก็จะยังคงจะเดินหน้าหาความจริงเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิตเพื่อให้ได้ความกระจ่างต่อไป” บิดาของน้องเมยระบุ

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางครอบครัวได้รับความเห็นใจและเมตตาจากทั้งผู้ใหญ่และผู้คนทั่วไปที่ได้ติดตามข่าวสารที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งในจุดนี้เราขอขอบคุณจากหัวใจ หลายคนที่ไม่เคยรู้จักกับเรามาก่อน เมื่อเจอทั้งที่โรงพยาบาล หรือแม้แต่ในตลาด ต่างพากันเข้ามาให้กำลังใจ และบอกให้สู้เพื่อหาความจริงให้ได้ เพราะทุกคนรอฟังข่าวอยู่ เช่นเดียวกับทีม Motor Sport ที่เกิดจากการการรวมตัวของกลุ่มนักแข่งรถ แจ้งมาว่าพร้อมจะระดมทุนช่วยเราในเรื่องค่าใช้จ่ายสำหรับใช้ในทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อพิสูจน์หาความจริงว่าน้องเมยเสียชีวิตด้วยเหตุใด

ด้าน น.ส.สุพิชากล่าวว่า ขณะนี้ครอบครัวได้รับเอกสารผลการชันสูตรร่างกายของน้องเมยจากสถาบันพยาธิวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ซึ่งเป็นสถาบันแรกที่ทำการผ่าพิสูจน์แล้วจำนวน 2 แผ่น เบื้องต้นพบว่ากระดูกซี่โครงซี่ที่ 4 ด้านขวาหัก ตรงกันกับข้อมูลเดิม แต่สิ่งที่ครอบครัวสงสัยเพิ่มเติมคือผลการชันสูตรในครั้งแรกเรื่องการตรวจสอบชิ้นเนื้อทางกล้องจุลทรรศน์บริเวณตับ พบมีการคั่งเลือดเล็กน้อย เช่นเดียวกับม้าม ซึ่งจุดนี้ค่อนข้างอยู่ห่างจากจุดที่ทำซีพีอาร์ (การปั๊มหัวใจ)

CPR ไม่ทำตับม้ามเลือดคั่ง

พี่สาวของน้องเมยกล่าวว่า เบื้องต้นต้องชมทีมแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ ก่อนว่า การทำซีพีอาร์ 4 ชั่วโมงที่ทุกคนบอกว่าเป็นการทำงานที่หนักและมาราธอน เพราะครอบครัวได้ร้องขอให้แพทย์ช่วยปั๊มหัวใจ จนกว่าจะเดินทางจาก จ.ชลบุรี ไปถึง จ.นครนายก ซึ่งต้องขอขอบคุณเป็นอย่างสูง แต่เมื่อได้เล่าข้อเท็จจริงนี้กับแพทย์ศัลยกรรมอุบัติเหตุที่ให้ความกรุณากับครอบครัว ได้ยืนยันว่าแม้การทำซีพีอาร์จะยาวนานถึง 4 ชั่วโมง ไม่น่าจะกระทบถึงม้ามและตับ จึงเป็นเรื่องที่ต้องหาคำตอบต่อไป

เช่นเดียวกับกรณีที่แพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ บอกว่าเซลล์หัวใจของน้องโตกว่าเด็กปกติ ซึ่งหากน้องเสียชีวิตโดยภาวะหัวใจโต เรายอมรับได้ว่าเกิดจากตัวโรค แต่การมีรอยช้ำประกอบกับอาการหัวใจโต ต้องสืบหาว่าเกิดจากการถูกทำร้ายหรือสาเหตุใด เพราะวันที่ 13 ต.ค.ก่อนเสียชีวิต ทางครอบครัวได้พาน้องไปตรวจร่างกายที่ รพ.สมิติเวช ศรีราชา จากอุบัติเหตุตกบันได ได้เข้าเอกซเรย์ช่วงปอดพบว่าในจุดที่เป็นรอยโล่ง ไม่มีสิ่งใดผิดปกติ ขณะที่ขนาดของหัวใจถูกระบุว่าขนาดเท่าปกติเช่นคนทั่วไป และไม่มีจุดใดบ่งชี้ว่าผนังหัวใจโตหรือผิดปกติ ซึ่งสถาบันนิติเวช กระทรวงยุติธรรม ยังคงให้ความเป็นธรรมเช่นเดิม ที่ว่าเมื่อจะเริ่มผ่าชิ้นส่วนน้อง จะอนุญาตให้ตนและน้าสาวซึ่งเป็นพยาบาลเข้าดูได้ คงจะได้มีโอกาสถามว่าอาการหัวใจโตเกิดจากอะไร

น.ส.สุพิชากล่าวถึงกรณีกลุ่ม Motor Sport พร้อมระดมทุนช่วยในเรื่องค่าใช้จ่ายด้านการพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ในรอบที่ 2 ที่อาจมีค่าใช้จ่ายสูงว่า ทางครอบครัวซาบซึ้งและขอขอบคุณ แต่เนื่องจากขณะนี้การตรวจพิสูจน์ทั้งดีเอ็นเอและรายละเอียดต่างๆ สามารถทำได้ในประเทศไทย จึงเชื่อว่าค่าใช้จ่ายไม่น่าจะสูงจนเกินไป และที่สำคัญ ได้รับการอนุเคราะห์จากทางกระทรวงยุติธรรม ที่จะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดแล้ว

นางสุกัญญาเปิดเผยว่า ได้รับการยืนยันจากแพทย์ศัลยกรรมอุบัติเหตุที่หวังดีโทรศัพท์มาอธิบายรายละเอียดว่า จากประสบการณ์การเป็นแพทย์ศัลยกรรมประจำห้องฉุกเฉิน ไม่ว่าจะเป็นรถชนหรือกรณีอื่นๆ ได้ตั้งข้อสังเกตว่าการผิดปกติเรื่องซี่โครงหัก น่าจะเกิดจากการอัดกระแทกอย่างแรง เพราะการทำซีพีอาร์ไม่สามารถทำให้กระดูกซี่โครงหักได้ เช่นเดียวกับไม่น่าจะทำให้ม้ามเกิดการคั่งเลือด แต่สิ่งที่จะทำให้เกิดได้คือการถูกหัวเข่ากดขณะทำซีพีอาร์เท่านั้น

วันเดียวกัน นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของน้องเมยว่า ขั้นตอนตั้งแต่เมื่อเสียชีวิต ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนชันสูตรศพ การทำสำนวนคดีอาญาจนถึงมีคำพิพากษานั้น เป็นอำนาจของหน่วยงานทหารทั้งหมด ซึ่งอาจจะเกิดความไม่เป็นธรรมและเคลือบแคลงสงสัยว่าการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรมในระบบศาล ทั้งนี้ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรมก็มีทหารเป็นกรรมการ คือ พล.อ.กฤษณะ บวรรัตนารักษ์ ซึ่งพูดชัดเจนว่า ในการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมในครั้งนี้ จะรวมถึงศาลทหารด้วย โดยคณะกรรมการปฏิรูปประเทศฯ ได้มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการ รวมทั้งกรมพระธรรมนูญศาลทหารไปดูว่าในต่างประเทศเรื่องอำนาจศาลทหารควรจะมีขอบเขตอย่างไรบ้าง

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าในที่ประชุมของคณะกรรมการปฏิรูปประเทศฯ ได้มีการหยิบยกประเด็นเเละเสนอเรื่องอำนาจการพิจารณาคดีของศาลทหารที่จะกำหนดให้คดีที่ทหารกระทำผิดคดีอาญาทั่วไป ที่ไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่หรือวินัยในการทหารนั้น จะต้องขึ้นศาลพลเรือน ซึ่งคือศาลยุติธรรมนั่นเอง.

สำนักข่าววิหคนิวส์