นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า การที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือ คสช. ไม่ปลดล็อกให้พรรคการเมืองและสมาชิกพรรคการเมืองดำเนินกิจการทางการเมืองตามความใน พรป.พรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 141 นั้น นายเรืองไกรเห็นว่า หัวหน้า คสช. ได้กระทำการที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 45
นายเรืองไกร กล่าวว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 45 บัญญัติว่า “บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการรวมกันจัดตั้งพรรคการเมืองตามวิถีทางการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามที่กฎหมายบัญญัติ” ดังนั้น เมื่อ พรป.พรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มีผลใช้บังคับแล้ว เสรีภาพของพรรคการเมืองและสมาชิกพรรคการเมืองจึงไม่ถูกห้ามอีกต่อไป
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า การที่หัวหน้า คสช. อ้างประกาศ คสช.ที่ 57/2557 และคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 เพื่อไม่ปลดล็อกให้พรรคการเมืองนั้น ไม่อาจกระทำได้ และเมื่อหัวหน้า คสช. ยังอ้างประกาศและคำสั่งดังกล่าว นายเรืองไกร ในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทยจึงถูกจำกัดเสรีภาพทางการเมืองไปด้วย
สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวต่อไปว่า การที่หัวหน้า คสช. กระทำการจำกัดเสรีภาพในทางการเมืองดังกล่าว จึงต้องด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 5 ที่บัญญัติว่า “รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ บทบัญญัติใดของกฎหมาย กฎหรือข้อบังคับ หรือการกระทำใด ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ บทบัญญัติหรือการกระทำนั้นเป็นอันใช้บังคับมิได้” และมาตรา 213 บัญญัติว่า “บุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อมีคำวินิจฉัยว่าการกระทำนั้นขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ…”
ดังนั้น ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2560 เวลา 10.00 น. นายเรืองไกร จะไปยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การกระทำของหัวหน้า คสช. ที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 45 ประกอบมาตรา 5 หรือไม่ ที่ศูนย์ราชการอาคาร A ถนนแจ้งวัฒนะ
Cr.คมข่าว