สำนักข่าวอิศรา – คณะกรรมการ ป.ป.ช. ส่งหนังสือตีตราลับ ถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ขอ เอกสารมติคณะรัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้องกับนโยบาย Digital Wallet ทั้งหมด – เปิดผลการศึกษาสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ชี้ ไม่ปรากฏการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ-กฎหมายอื่น
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า สืบเนื่องจากกรณีที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติแต่งตั้งองค์คณะไต่สวน กรณีกล่าวหา นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรีกับพวก ร่วมกันแปรญัตติในทางลดหรือตัดทอนงบประมาณรายจ่ายของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFLs) จำนวน 5 แห่ง วงเงินรวม 35,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นเงินส่งใช้ต้นเงินกู้ ดอกเบี้ยเงินกู้ และรายจ่ายตามข้อผูกพันที่กำหนดให้จ่ายตามกฎหมาย แล้วนำไปเพิ่มเป็นงบประมาณรายจ่ายตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 รายจ่ายงบกลาง (5) ค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ (Digital Wallet)
ล่าสุด แหล่งข่าวจาก ป.ป.ช. เปิดเผยกับสำนักข่าวอิศราว่า เมื่อช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ป.ป.ช.ได้ทำหนังสือประทับตราลับ ไปถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ขอเอกสารเกี่ยวกับมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งหมด ตั้งแต่ครั้งแรกที่ครม.มีการพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนโยบาย Digital Wallet
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ได้เข้าไปค้นหาในระบบฐานข้อมูลของเว็บไซต์ สคล. ผ่าน Google โดยพิมพ์คำว่า ‘ค้นหามติคณะรัฐมนตรี’ แล้วค่อยพิมพ์คำว่า ‘Digital Wallet’ ในช่อง ‘กรุณาป้อนคำค้นหา’ พบว่า ตั้งแต่ช่วงเวลาที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล (นับจากวันแถลงนโยบาย) ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน และต่อมามีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี (13 ก.ย.66 – 9 ก.ย.68) มีมติ ครม.ที่เกี่ยวข้องกับนโยบาย Digital Wallet จำนวนทั้งสิ้น 12 รายการ
รายงานข่าวเพิ่มเติมอีกว่า มติครม.ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 ก.ย.68 ครม. ได้มีมติรับทราบข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการบริหารงบประมาณและการคลังของครม.ในการดำเนินนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยใช้ Digital Wallet ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ซึ่งหนังสือลงนามโดยนายชนะทัพ อินทามระ ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดินในขณะนั้น โดยหนังสือดังกล่าวอ้างถึงผลการศึกษาของคณะอนุกรรมการศึกษาการบริหารงบประมาณและการคลังของครม. ตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ เพื่อดำเนินการศึกษานโยบายการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ ตลอดจนกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมีข้อความที่มีสำคัญระบุ ว่า
“คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินเห็นว่า นโยบายดังกล่าวไม่ปรากฎการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 และกฎหมายอื่น (โดยใช้ข้อเท็จจริง ณ วันที่ 30 กันยายน 2567)”
อย่างไรก็ตาม ครม.ควรพิจารณาถึงผลกระทบต่อการบริหารการคลังของประเทศระยะยาว การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการดำเนินนโยบาย เพื่อไม่ให้เกิดการใช้งบประมาณที่สูญเปล่า ตลอดจนการใช้เครื่องมือทางการคลังประเภทอื่นควบคู่ไปเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศด้วย


