ไทยรัฐ – “พริษฐ์” ยืนยันพรรคประชาชน สู้เต็มที่แม้หลายข้อเสนอแพ้การลงมติในชั้น กมธ. มั่นใจผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เสร็จจากรัฐสภาก่อนสิ้นปี เชื่อ “สูตร 20 หยิบ 1” ป้องกันผูกขาดได้
วันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 ที่อาคารอนาคตใหม่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคประชาชน กล่าวถึง ความคืบหน้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่าตั้งแต่คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 ห้ามไม่ให้ “ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง” ส่งผลให้ไม่มีพรรคการเมืองใดสามารถเสนอ สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงได้อีกต่อไป ทำให้ทั้ง 3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ 3 พรรคการเมืองหลักที่ถูกพิจารณาในวาระที่ 1 เมื่อวันที่ 14-15 ตุลาคม 2568 ก็ไม่มีร่างไหนที่เสนอให้มี สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรง
แจง กมธ. ปชน. สู้เต็มที่
โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการได้ลงมติ 3 ข้อเสนอหลักในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาชนที่พยายามมุ่งสู่เป้าหมายให้มี
1. สภาที่ปรึกษาที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน แต่น่าเสียดายที่คณะกรรมาธิการมีมติ ให้ตัดสภาที่ปรึกษาออก โดยมีแค่กรรมาธิการ 8 คนจากพรรคประชาชนที่ลงมติให้คงสภาที่ปรึกษาไว้ ส่วนอีก 23 คนเห็นควรให้ตัดออก และ 3 คนงดออกเสียง
2. เปิดให้ประชาชนเข้าคูหาเลือกตั้งเพื่อคัดกรองผู้ร่างมาเบื้องต้นให้เหลือ 70 คน ก่อนจะส่งต่อให้รัฐสภาคัดเลือกให้เหลือผู้ร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน แต่น่าเสียดายที่คณะกรรมาธิการมีมติให้ตัดกลไกดังกล่าวออก
3. การให้รัฐสภาคัดเลือกผู้ร่างโดยใช้สูตร “20 หยิบ 1” แทนการใช้เกณฑ์เสียงข้างมาก : สำหรับสูตร 20 หยิบ 1 นั้นคือการกำหนดว่าในเมื่อสมาชิกรัฐสภามี 700 คน และผู้ร่างมี 35 คน จึงควรให้สมาชิกรัฐสภาที่รวมตัวกันได้ 20 คน สามารถมีสิทธิคัดเลือกผู้ร่างได้หนึ่งคน ซึ่งจะเป็นหลักประกันว่าคณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญจะไม่ถูกผูกขาดโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือสีใดสีหนึ่ง และทำให้คณะผู้ร่างมีตัวแทนที่หลากหลายจากทุกกลุ่มความคิด
ฉันทามติสูตร 20 หยิบ 1
โฆษกพรรคประชาชน กล่าวด้วยว่า ในทางกลับกัน หากรัฐสภาใช้เกณฑ์เสียงข้างมาก ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือสีใดสีหนึ่งมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา เช่น สส. และ สว. รวมกันเกิน 350 คน ก็อาจใช้เสียงข้างมากผูกขาดการคัดเลือกผู้ร่างได้ทั้ง 35 คน หรือ 100% แบบเบ็ดเสร็จ ซึ่งสำหรับข้อเสนอนี้ น่ายินดีที่คณะกรรมาธิการส่วนใหญ่เห็นด้วย แทบเรียกว่าเป็นฉันทามติ ให้ใช้สูตร 20 หยิบ 1 แทนใช้เกณฑ์เสียงข้างมาก
ผิดหวังและยินดี
ในมุมมองของพรรคประชาชน ผลการลงมติของคณะกรรมาธิการจึงเป็นเรื่องที่ทั้งน่าผิดหวังและน่ายินดีผสมกันไป เพราะแม้พรรคไม่สามารถโน้มน้าวให้กรรมาธิการจากพรรคอื่นๆ และ สว. เห็นด้วยกับเราใน 2 จาก 3 ข้อเสนอ แต่สามารถผลักดัน 1 จาก 3 ข้อเสนอ (สูตร 20 หยิบ 1) ได้สำเร็จ จึงรับประกันได้ว่าการคัดเลือกผู้ร่างโดยรัฐสภาจะไม่ถูกผูกขาดโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และประชาชนยังมีส่วนร่วมได้บ้างในการกำหนดผู้ร่างผ่านคูหาเลือกตั้ง สส. เพราะหากประชาชนเลือก สส. จากพรรคใดเยอะ พรรคดังกล่าวก็ย่อมมีสิทธิในการคัดเลือกผู้ร่างที่มีจุดยืนเรื่องรัฐธรรมนูญใกล้เคียงกันได้เยอะขึ้น
ฉะกังวลแต่ไม่เสนอทางออก
อย่างไรก็ตาม มีกรรมาธิการบางท่านมีความกังวลว่า สูตร 20 หยิบ 1 อาจไม่ใช่ยาวิเศษเสียแล้ว เพราะประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมคัดกรองผู้ร่างมาเบื้องต้น แต่ข้อเท็จจริงเรื่องนี้คือ คณะกรรมาธิการเสียงส่วนใหญ่ รวมถึงกรรมาธิการดังกล่าว ไม่ได้ลงมติเห็นชอบกับข้อเสนอของพรรคประชาชน แต่ก็ไม่ได้เสนอวิธีการอื่นที่จะป้องกันการผูกขาด มิหนำซ้ำร่างที่พรรคต้นสังกัดของกรรมาธิการดังกล่าวเสนอ ก็กำหนดว่าในขั้นตอนสุดท้ายที่รัฐสภาคัดเลือก สสร. ให้รัฐสภาใช้เกณฑ์เสียงข้างมาก ซึ่งเสี่ยงต่อการผูกขาดกว่าสูตร 20 หยิบ 1
ย้ำ กมธ.ไม่ได้ลงมติที่มา สสร.
นอกจากนี้มีความพยายามในการสร้างความเข้าใจจากบางภาคส่วนว่าการไม่เติม สสร. ตามข้อเสนอของกรรมาธิการพรรคเพื่อไทย เป็นการทำให้ผู้ร่างยึดโยงกับประชาชนน้อยลง นั้น โฆษกพรรคประชาชนยืนยันว่า สสร. ที่กรรมาธิการเพื่อไทยเสนอให้เติมเข้ามา ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน ในการลงมติว่าจะเติม สสร. หรือไม่ ก็ไม่ได้เป็นการลงมติว่า สสร. จะมีที่มาอย่างไร เพียงแต่เป็นการลงมติว่ากลไกผู้ร่างจะมี 1 ระดับ (กรรมาธิการร่าง) หรือ 2 ระดับ (สสร. และ กรรมาธิการยกร่าง)
พร้อมผลักดันให้เสร็จก่อนสิ้นธ.ค.
ทั้งนี้ยืนยันว่าพรรคประชาชนจะทำเต็มที่ในการจูงมือทุกภาคส่วนในกรรมาธิการเพื่อเดินหน้าพิจารณามาตราที่เหลืออยู่ของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เสร็จโดยเร็วที่สุด โดยอย่างน้อยที่สุดควรจะพิจารณาในชั้นคณะกรรมาธิการเสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายน เพื่อให้มีการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาวาระ 2 ในต้นเดือนธันวาคม และให้รัฐสภาพิจารณาวาระ 3 เสร็จก่อนสิ้นเดือนธันวาคม

