ข่าวประจำวัน » “เต้ พระราม 7” จี้รัฐบาลเห็นใจชาวเกาะเกร็ด ลุยน้ำจนเท้าเปื่อย–ขายของลำบาก ชี้เยียวยา 9,000 บาท ไม่พอใช้ชีวิตกลางน้ำ

“เต้ พระราม 7” จี้รัฐบาลเห็นใจชาวเกาะเกร็ด ลุยน้ำจนเท้าเปื่อย–ขายของลำบาก ชี้เยียวยา 9,000 บาท ไม่พอใช้ชีวิตกลางน้ำ

8 November 2025
17   0

วันนี้ (7 พ.ย. 68) เวลา 18.00 น. นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือ “เต้ พระราม 7” อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์, นางสาว ภคอร จันทรคณา อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยศรีวิไลย์, นายพลวัตร บรรดาศักดิ์ หรือ “อดีต สจ.บอย” ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา พร้อมทีมงาน ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์น้ำท่วมภายในชุมชน ต.เกาะเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อพูดคุยให้กำลังใจชาวบ้าน พร้อมมอบยาทาฆ่าเชื้อรา รักษาอาการน้ำกัดเท้าให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ

นายมงคลกิตติ์ หรือ “เต้ พระราม 7” กล่าวว่า ตนได้รับการชักชวนจากนายพลวัตรฯให้ลงพื้นที่ตรวจสอบปัญหาน้ำท่วมรอบเกาะเกร็ด ซึ่งถือเป็นพื้นที่ประสบภัยซ้ำซาก โดยก่อนหน้านี้ตนเคยเดินทางมาบริเวณวัดปรมัยยิกาวาสในช่วงติดตามคดีการเสียชีวิตของ “แตงโม ภัทรธิดา” อดีตดาราชื่อดัง แต่ครั้งนี้กลับมาเพื่อช่วยเหลือและรับฟังความเดือดร้อนของชาวบ้านแทน

นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันเขื่อนเจ้าพระยามีการระบายน้ำถึง 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้หลายจังหวัดตั้งแต่ อ่างทอง สิงห์บุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี ไปจนถึงกรุงเทพมหานคร ต่างได้รับผลกระทบจากน้ำเอ่อล้นตลิ่ง และท่วมขัง ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำทุกปีเป็นเวลาหลายเดือน ขณะที่เงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยที่รัฐบาลกำหนดไว้ 9,000 บาท ต่อครัวเรือน สำหรับระยะเวลานานถึง 120 วัน ถือว่าไม่สอดคล้องกับความเสียหายที่แท้จริง เพราะชาวบ้านต้องหยุดทำมาหากิน บางรายสูญเสียทรัพย์สินและต้องใช้ชีวิตท่ามกลางน้ำท่วมยาวนาน

จึงอยากให้รัฐบาลปรับระบบการเยียวยาให้เหมาะสมกับความเสียหายจริง ๆ ไม่ใช่ 9,000 บาท ต่อ 4 เดือนแบบนี้ เพราะประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบหนัก โดยเฉพาะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง และสิงห์บุรี ที่จมน้ำทุกปี รัฐควรวางแผนสร้างเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ก่อนถึงพื้นที่ตอนล่าง เพื่อป้องกันน้ำหลากซ้ำซากอยากฝากถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ว่าควรใช้ช่วงเวลาที่เหลือในตำแหน่งบริหารประเทศอีกประมาณ 30 วัน ทำผลงานช่วยเหลือประชาชนจริง ๆ อย่าให้ประชาชนจำได้แค่เซ็นสัญญาสันติภาพกับกัมพูชา ทำให้ประเทศเราเสียเปรียบ

ด้านนายพลวัตร หรือ “อดีต สจ.บอย” กล่าวว่า วันนี้ได้ลงพื้นที่ร่วมกับนายมงคลกิตติ์ฯตั้งแต่ช่วงบ่ายถึงค่ำ เพื่อให้กำลังใจและแจกยารักษาอาการน้ำกัดเท้าให้แก่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมน้ำ โดยพบว่าในพื้นที่เกาะเกร็ดกว่า 90% จมอยู่ใต้น้ำขัง และประชาชนจำนวนมากประสบความลำบาก ทั้งการเดินทาง การค้าขาย และสุขภาพ

นายพลวัตร กล่าวต่อว่า อยากฝากถึงผู้ที่ใช้เรือลากหรือเรือโดยสารผ่านเกาะเกร็ดในช่วงนี้ให้ชะลอความเร็ว เพราะคลื่นน้ำจากเรือทำให้บ้านเรือนที่อยู่ติดตลิ่งเสียหายมากขึ้น และอยากให้หน่วยงานรัฐเร่งเยียวยา รวมทั้งวางแผนป้องกันระยะยาว เพื่อไม่ให้ชาวบ้านต้องเผชิญน้ำท่วมแบบนี้ซ้ำทุกปี

นางสุดใจ พิกุล หรือป้าต้อ อายุ 66 ปี ชาวบ้านในชุมชนเกาะเกร็ด กล่าวว่า ปีนี้น้ำท่วมหนักเหมือนกันไม่แพ้ปี 2554 เนื่องจากมีการปล่อยน้ำเข้ามาและน้ำค่อนข้างลึก เก็บของทันบ้างไม่ทันบ้าง และมีน้ำไหลเข้าไปในบ้าน เพราะตนอยู่อาศัยเพียงลำพัง และได้รับผลกระทบคือขายของลำบาก จะไม่ทำก็ไม่ได้เพราะตนยึดอาชีพค้าขายในการดำรงชีพอยู่แล้ว แต่ลำบากก็ต้องทำ และจากที่น้ำท่วมขังหลายวันทำให้เกิดอาการน้ำกัดเท้า เดินทางสัญจรลำบาก เพราะว่ารถจยย.ไม่มี ต้องโดยสารทางเรือ และอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้นำถุงยังชีพมาบริจาค อาทิ ข้าวสารอาหารแห้ง นำมามอบให้ และรู้สึกดีใจ ขอขอบคุณ สจ.บอย ที่นำยาแก้อาการน้ำกัดเท้ามาเยียวยาให้ในวันนี้ ขอบคุณที่ยังดูแลเราและห่วงใยประชาชน

นางละเมียด รางเริ่ม อายุ 73 ปี ชาวบ้านในชุมชนเกาะเกร็ด กล่าวว่า ปัญหาอุทกภัยเกิดขึ้นในพื้นที่ชุมชนบริเวณเกาะเกร็ดประมาณเดือนกว่า ณ ตอนนี้ได้ทำการกั้นน้ำบริเวณหน้าประตูบ้านแต่น้ำก็ยังเอ่อล้นเข้ามาในบริเวณบ้าน โดยทำบ่อหน้าบ้านและหลังบ้าน 2 บ่อ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำปั๊มน้ำตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งสามารถแก้ปัญหาได้ระดับหนึ่ง แต่การสัญจรเข้า-ออกบริเวณซอยบ้าน เป็นไปอย่างยากลำบาก ต้องลุยน้ำไม่สามารถสัญจรได้อย่างปกติ และขอขอบคุณ สจ.พลวัตร ที่นำยาแก้อาการน้ำกัดเท้ามาเยียวยาให้วันนี้ ที่ทำให้แบ่งเบาภาระและบรรเทาความเดือดร้อนไปด้วย อยากฝากให้ถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลปัญหาอุทกภัยในขณะนี้ ณ ตอนนี้มีเพียงแค่ อบต.เกาะเกร็ด ที่นำข้าวสารอาหารแห้งมาแจกเท่านั้น ยังไม่มีหน่วยงานอื่นเข้ามาดูแลหรือเยียวยาแต่อย่างใด