สยามรัฐ – เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2568 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า พรุ่งนี้ที่ต้องไปร้องศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้ยกเลิกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ของรัฐสภา นั้น
นายเรืองไกร กล่าวว่า ตนได้อาศัยรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ร้องขอต่ออัยการสูงตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค. 2568 แต่อัยการสูงสุดยังไม่ดำเนินการภายในสิบห้าวัน ตนจึงใช้สิทธิยื่นศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง
นายเรืองไกร กล่าวว่า หลังจากรัฐสภามีมติในวาระที่หนึ่งเห็นชอบเพิ่มหมวด 15/1 ไปแล้วนั้น ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาชั้นคณะกรรมาธิการฯ แต่การกระทำดังกล่าว รัฐสภายังไม่มีการขอให้รัฐบาลทำประชามติเสียก่อน กรณี ย่อมขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ดังนี้
คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 วันที่ 31 มกราคม 2567 หน้า 40
“การที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 49 กำหนดหน้าที่และอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญให้เข้ามาตรวจสอบการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยไม่ได้บัญญัติยกเว้นการกระทำใดไว้เป็นการเฉพาะ การเสนอร่างกฎหมายโดยฝ่ายนิติบัญญัติจึงเป็นการกระทำหนึ่งซึ่งอาจถูกตรวจสอบได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่”
คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 18/2568 วันที่ 10 กันยายน 2568
หน้า 12 “รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 หมวด 15 เพียงบัญญัติให้สามารถแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้เท่านั้น ไม่มีบทบัญญัติให้ทำขึ้นใหม่ทั้งฉบับ การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วยวิธีการร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมให้มีหมวด 15/1 ย่อมมีผลเป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560”
หน้า 14 เห็นว่า คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 วินิจฉัยว่า “… หากรัฐภาต้องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องจัดให้ประชาชนผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญออกเสียงประชามติเสียก่อนว่า สมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ถ้าผลการออกเสียงประชามติเห็นชอบด้วย จึงดำเนินการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต่อไป เมื่อเสร็จแล้วต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติว่าเห็นชอบหรือไม่กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้งหนึ่ง …”
หน้า 15 “เพราะฉะนั้น เพื่อให้เป็นไปตามหลักอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญของประชาชน การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 จำเป็นต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติสามครั้ง ครั้งที่หนึ่ง หากรัฐสภาประสงค์จะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ รัฐสภาต้องร้องขอให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีการออกเสียงประชามติก่อนการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่มีบทบัญญัติว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของรัฐสภา เพื่อให้ความเห็นชอบว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ซึ่งอาจเกิดขึ้นก่อนการเสนอญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญต่อรัฐสภา ตามมาตรา 256 (1) ครั้งที่สอง …”
นายเรืองไกร กล่าวว่า กรณีดังกล่าว การกระทำของรัฐสภา จึงปรากฏข้อเท็จจริงชัดเจนเพียงพอที่จะร้องศาลรัฐธรรมนูญได้ ทั้งนี้ ตามแนวคำสั่งที่ 93/2568 ดังนี้
คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ 93/2568 วันที่ 10 กันยายน 2568 หน้า 4
“การพิจารณาว่าบุคคลใดจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ต้องปรากฏข้อเท็จจริงชัดเจนเพียงพอที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งหมายและความประสงค์ระดับที่วิญญูชนคาดเห็นได้ว่าน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยการกระทำนั้นจะต้องกำลังดำเนินการอยู่”
นายเรืองไกร สรุปว่า พรุ่งนี้ เวลา 9.30 น. ตนจะไปศาลรัฐธรรมนูญด้วยตนเอง เพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้รัฐสภาเลิกการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1
