(13 ต.ค.68) นายสุณัย ผาสุข ที่ปรึกษา Human rights watch ประเทศไทย โพสต์ข้อความว่า กลายเป็นเรื่องใหญ่ กัมพูชา ร้องเรียนสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนยูเอ็น และผู้สังเกตการณ์นานาชาติ ขอให้ตรวจสอบกรณีไทยใช้ลำโพงขนาดใหญ่เปิดเสียงผี และเสียงเครื่องบิน รบกวน และสร้างความหวาดกลัวแก่ชุมชนชายแดนไทยกัมพูชา บ้านจกเจย–บ้านเปรยจัน (บ้านหนองหญ้าแก้ว–บ้านหนองจาน) ถือเป็นการคุกคามทางจิตวิทยาต่อพลเรือน … ผิดชัดเจน กันจอมพลัง ได้ไฟเขียวจากใครให้เข้าไปทำแบบนี้ในพื้นที่กฎอัยการศึก?
นายสุณัย ยังโพสต์อีกว่า พลาดมากจริงๆ เปิดโอกาสให้กัมพูชาสามารถกล่าวหาไทยได้อย่างมีน้ำหนักเป็นครั้งแรก
1) ทำอะไร?
ใช้ลำโพงรถแห่เปิดเสียงโหยหวน และเสียงเครื่องบิน โดย กัน จอมพลัง โพสต์ว่าเจตนารบกวนเวลานอน และสร้างความหวาดกลัว ถือเป็นปฏิบัติการจิตวิทยาที่อาจเข้าข่ายการทรมานด้วยเสียง ละเมิดหลักสิทธิมนุษยชน กฎหมายระหว่างประเทศ (โดยเฉพาะอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน) และกฎหมายไทย (พ.ร.บ.ต่อต้านการทรมาน)
2) ทำต่อใคร?
เป้าหมายสำคัญ คือ เปิดเสียงดังข้ามแนวรั้วลวดหนามของไทยใส่ชุมชนกัมพูชาในพื้นที่บ้านจกเจย และบ้านเปรยจัน (บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว) เข้าข่ายละเมิดข้อตกลงหยุดยิงด้วยการยั่วยุ คุกคาม และสร้างความหวาดกลัวแก่พลเรือนกัมพูชา
3) ใครทำ และทำที่ไหน?
เอารถแห่ไปจอดในพื้นที่กฎอัยการศึก ซึ่งใครจะเข้าไปโดยพลการไม่ได้ โดยเฉพาะในเวลากลางคืน ต่อให้ผู้กระทำไม่ใช่เจ้าหน้าที่ แต่แบบนี้กองทัพจะปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นได้อย่างไร
นายสุณัย ทิ้งท้ายว่า นายกฯอนุทิน และกองทัพเลือกให้ท้าย กัน จอมพลัง แบบนี้เหมือนล้มกระดานการทำงานหนักอย่างต่อเนื่องของนักการทูตที่อาศัยการเคารพกฎกติกาสากลสร้างความชอบธรรมให้ไทย และตอบโต้กัมพูชาได้ในทุกประเด็นที่ผ่านมาเกี่ยวกับปัญหาพิพาทชายแดนไทยกัมพูชา