ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุก “พิชัย-นฤเบศร์” 3 ปี 4 เดือน ฐานพกระเบิดปิงปอง-ต่อสู้ขัดขวาง จพง. เห็นว่าพยานแวดล้อมเพียงพอชี้ตัวจำเลย ก่อนต้องเข้าเรือนจำขอคำสั่งประกัน
23 ก.ย. 2568 เวลา 09.00 น. ศาลอาญากรุงเทพใต้นัดฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในคดีของพิชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี และนฤเบศร์ (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี สองผู้ชุมนุม “ทะลุแก๊ส” ในคดีซึ่งทั้งคู่ถูกกล่าวหาว่า ร่วมกันพกพาและขว้างปาวัตถุระเบิดใส่รถยนต์สายตรวจของสถานีตำรวจนครบาลลุมพินีที่แยกราชประสงค์ เมื่อเช้าวันที่ 4 ต.ค. 2564
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนในส่วนของโทษจำคุก แต่พิพากษาแก้ในส่วนของโทษปรับ ยืนยันพยานแวดล้อมเพียงพอชี้ตัวจำเลย แม้โจทก์ไม่สามารถนำสืบได้อย่างแน่ชัด
โดยสรุปในคดีนี้ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าแม้โจทก์จะไม่สามารถนำสืบได้อย่างแน่ชัดว่าจำเลยกระทำผิดจริงตามฟ้อง แต่ก็มีพยานแวดล้อมเพียงพอที่จะทำให้เห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำของจำเลย ศาลอุทธรณ์จึงเห็นพ้องกับคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
ในส่วนของโทษจำคุกซึ่งศาลชั้นต้น ลงโทษจำคุกพิชัย 3 ปี 4 เดือน 15 วัน และจำคุกนฤเบศร์ 3 ปี 4 เดือนนั้น ศาลก็เห็นว่าเป็นโทษที่มีความเหมาะสมแล้ว เห็นชอบตามศาลชั้นต้น
ส่วนอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ขอให้มีการรอการลงโทษนั้น เพื่อให้จำเลยสามารถกลับไปใช้ชีวิต ฝึกอบรมและกลับตนเป็นพลเมืองที่ดีของสังคมต่อไปนั้น ศาลเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นเหตุรุนแรง โทษจำคุกโดยไม่รอการลงโทษตามที่ศาลชั้นต้นตัดสินไว้นั้นเหมาะสมแล้ว
ศาลมีคำพิพากษาแก้ในส่วนของค่าปรับ เนื่องจากในเวลาที่มีการอุทธรณ์ มีการออก พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565 ออกมา จึงทำให้มีการปรับค่าปรับของจำเลยตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว จึงปรับจำเลยทั้งสอง จากเดิมปรับพิชัย 2,800 บาท เหลือปรับเป็นพินัย 900 บาท และเดิมจากปรับนฤเบศร์ 2,150 บาท เหลือปรับเป็นพินัย 150 บาท
หลังฟังคำพิพากษา พิชัยได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไป เพื่อรอการประกันตัวในชั้นฎีกา
ต่อมาเวลาประมาณ 14.30 น. ศาลอาญามีคำสั่งส่งคำร้องขอประกันตัวไปให้ศาลฎีกาวินิจฉัย ทำให้พิชัยต้องถูกนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อรอคำสั่งประกันตัวราว 2-3 วัน