ข่าวประจำวัน » ส.ว.พ่นพิษ !! กกต.ฟ้องศาลฏีกา 7 ผู้สมัครโกงซื้อเสียง

ส.ว.พ่นพิษ !! กกต.ฟ้องศาลฏีกา 7 ผู้สมัครโกงซื้อเสียง

10 September 2025
142   0

กกต.ชงศาลฎีกาฟันเพิกถอนสิทธิ -อาญา 7 ผู้สมัครสว.ระดับจังหวัดร้อยเอ็ด หลักฐานชัดจ่ายเงินซื้อเสียงแลกลงคะแนนเลือก

เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต.ให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง รวมถึงสั่งดำเนินคดีอาญากับ พล.ท.โสภณ สิริงาม, นายเรืองวิทย์ พายุหะมารวย, นายเฉลิมศักดิ์  แสนปาง, นายชัยชนะ เนาวงศ์, นายบรรลุ บุตรศาสตร์, นายเมธี บุญเจริญธนากุล และนายสนอง กาสิงห์ ผู้มีสิทธิ์เลือก สว.ระดับจังหวัด จ.ร้อยเอ็ด กลุ่มที่ 1 รวมทั้ง พ.อ.สมบูรณ์ชัยย์ อรัญพูล และ น.ส.ณัฏฐยา หรือณัฐณิชา รัตนะ บุคคลซึ่งไม่ใช่ผู้สมัคร สว. 

โดยเอาผิดตาม พรป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 มาตรา62 มาตรา 77 (1) มาตรา 79 มาตรา 81 และรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 226 เนื่องจากข้อเท็จจริงที่ได้จากการไต่สวน พยานไต่สวนประกอบคนที่ 2 ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิ์เลือก สว.ให้ถ้อยคำยืนยันว่า วันที่ 10 -14 มิ.ย 2567 หลังจากตนเองโทรศัพท์ไปแนะนำตัวกับ พล.ท.โสภณ และนัดหมายรับประทานอาหารเพื่อพูดคุยทำความรู้จักผู้มีสิทธิ์เลือก สว.ระดับจังหวัดที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ได้พบกับนายชัยชนะ นายสนอง และนายเฉลิมศักดิ์ ต่อมานายเรืองวิทย์ได้ส่งข้อความผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ ชักชวนให้พยานไต่สวนประกอบคนที่ 2 อยู่ในทีมของพล.ท.โสภณ โดยให้ลงคะแนนเลือกพล.ท.โสภณ 1 คะแนน  และเลือกตัวเอง 1 คะแนน และจะให้ค่าตอบแทนเป็นเงิน 15,000 บาท พยานไต่สวนคนที่ 2 ตอบตกลง นัดหมายรับเงินที่ร้านกาแฟคาเฟ่แห่งหนึ่ง

เมื่อไปถึงนายเฉลิมศักดิ์ และพ.อ.สมบูรณ์ชัยย์ ซึ่งแสดงตนมาตลอดว่าเป็นตัวแทนของพล.ท.โสภณ พูดถึงเรื่องการลงคะแนนเลือกพล.ท.โสภณ ในการเลือก สว.ระดับจังหวัดร้อยเอ็ดกลุ่มที่ 1 ซึ่งพยานไต่ส่วนประกอบคนที่ 2 ตอบตกลง พล.ท.โสภณจึงใช้โทร ศัพท์มือถือโอนเงินมายังบัญชี พ.อ.สมบูรณ์ชัยย์ และพ.อ.สมบูรณ์ชัยย์ จึงโอนเงินจำนวนดังกล่าวมาเข้าบัญชีของพยานไต่สวนประกอบคนที่ 2 ปรากฏหลักฐานการโอนเงินและรูปถ่ายการสนทนาทางแอพพลิเคชั่นไลน์

นอกจากนี้ ยังปรากฏหลักฐานจากการตรวจสอบข้อมูลธุรกรรมทางการเงินว่า พล.ท.โสภณ รู้เห็นสนับสนุนให้ พ.อ.สมบูรณ์ชัยย์ โอนเงิน 15,000 บาท ให้แก่นายเฉลิมศักดิ์ และรู้เห็นสนับสนุนให้ น.ส.ณัฏฐยา หรือน.ส.ณัฐณิชา โอนเงิน 15,000 บาทให้กับนายเรืองวิทย์ เพื่อจูงใจให้นายเฉลิมศักดิ์ และนายเรืองวิทย์ สมัครเข้ารับเลือกเป็น สว.หรือเพื่อจูงใจให้นายเฉลิมศักดิ์ และนายเรืองวิทย์ลงคะแนนให้ พล.ท.โสภณ

และปรากฏหลักฐานเป็นภาพถ่ายการสนทนาทางแอพพลิเคชั่นไลน์ ข้อมูลการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ และคลิปวีดีโอบันทึกการสนทนายืนยันข้อเท็จจริงจากการไต่สวนพยานไต่สวนประกอบคนที่ 2 ว่าก่อนวันที่ 16 มิ.ย. 67 ที่จะมีการเลือก สว.ระดับจังหวัดของจังหวัดร้อยเอ็ด นายชัยชนะ นายบรรลุ นายสนอง นายเมธี ได้กระทำการ สนับสนุนรู้เห็นเป็นใจให้นายชัยชนะ เสนอเงินหรือสัญญาว่าจะให้เงินตั้งแต่ 20,000 – 50,000 บาทแก่พยานไต่สวนคนที่ 2 เพื่อจูงใจให้ลงคะแนนเลือกนายชัยชนะและนายบรรลุในการเลือก สว.ระดับจังหวัดของจังหวัดร้อยเอ็ดในการลงคะแนนเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกัน

รวมถึงยังปรากฏหลักฐานการจูงใจให้นายสนองลงคะแนนเลือกนายชัยชนะในการเลือก สว.ระดับจังหวัดร้อยเอ็ด กลุ่มที่ 1 รอบการลงคะแนนเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกัน โดยเป็นข้อความในแอพพลิเคชั่นไลน์ที่นายชัยชนะ ติดต่อให้พยานไต่สวนประกอบคนที่ 2 ช่วยจองห้องพักโรงแรมแห่งหนึ่ง ใน จ.ร้อยเอ็ด จำนวน 2 ห้องเพื่อเข้าพักในวันที่ 15 มิ.ย.2567 ในนามของนายชัยชนะและนายสนอง ราคาห้องละ 750 บาท พร้อมหลักฐานการโอนเงินเข้าบัญชีจำนวน 1,500 บาท

และในวันที่ 16 มิ.ย. 2567 ซึ่งเป็นวันเลือก สว.ระดับจังหวัดร้อยเอ็ด ยังปรากฏหลักฐานการโอนเงินที่ทำให้เชื่อว่า พล.ท.โสภณ สนับสนุนหรือรู้เห็นเป็นใจให้ น.ส.ณัฏฐยา หรือณัฐณิชาโอนเงิน 15,000 บาทให้แก่ นายเรืองวิทย์เพื่อจูงใจให้นายเรืองวิทย์ลงคะแนนเลือก พล.ท.โสภณ ในการเลือกสว.ระดับจังหวัดร้อยเอ็ด กลุ่มที่ 1รอบการลงคะแนนเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกัน การกระทำของนายเรืองวิทย์ จึงเข้าข่ายเรียกรับเงินสำหรับตนเองหรือผู้อื่นเพื่อเลือกหรืองดเว้นไม่เลือกผู้ใด จากกรณีทั้งหมดกกต.จึงเห็นว่าเป็นการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนพรป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา2561มาตรา 77 (1) มาตรา 79 มาตรา 81 และเป็นการทุจริตในการเลือกมีผลทำให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรมตามมาตรา 62 ของกฎหมายเดียวกันจึงให้มีการยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาและสั่งดำเนินคดีดังกล่าว