ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » ทักษิณ ยังไม่จบ !! เสี่ยงติดคุกอีก คดีสนับสนุนจนท.กระทำผิด ชั้น14 ป.ป.ช.จ่อฟ้อง

ทักษิณ ยังไม่จบ !! เสี่ยงติดคุกอีก คดีสนับสนุนจนท.กระทำผิด ชั้น14 ป.ป.ช.จ่อฟ้อง

9 September 2025
19   0

แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ถึงกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (อม.) มีคำพิพากษาตัดสินกรณีการตรวจสอบข้อเท็จจริงการบังคับโทษคดีถึงที่สุด นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือ คดีติดคุกทิพย์ โดยเห็นว่า การส่งตัวนายทักษิณ จำเลยไปรักษาตัวนอกเรือนจำและบังคับโทษไม่เป็นไปตามกฎหมาย จำเลยไม่อาจถือระยะเวลาที่อยู่ในรพ.ตร.เป็นโทษจำคุก จึงต้องบังคับโทษจำคุกจำเลย 1 ปี ตามพระบรมราชโองการ ว่า ในส่วนของ ป.ป.ช.คงจะมีการนำผลคำตัดสินของศาลฎีกา เข้าไปรายงานในที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ให้รับทราบ และคงจะมีการนำคำพิพากษาตัดสินดังกล่าว มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการไต่สวน ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ กรมราชทัณฑ์ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โรงพยาบาลตำรวจ จำนวน 12 ราย กรณีเอื้อประโยชน์ นายทักษิณ ชินวัตร เข้าพักรักษาตัวที่ ห้องพิเศษชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ตามที่มีมติมอบหมายให้ กรรมการ ป.ป.ช. ทุกรายเป็นองค์คณะไต่สวนไปก่อนหน้านี้ 

“ส่วนผู้เกี่ยวข้องรายอื่นๆ นอกจากข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ กรมราชทัณฑ์ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โรงพยาบาลตำรวจ จำนวน 12 ราย ว่าจะมีการตั้งไต่สวนเพิ่มเติม หรือไม่ คงต้องดูข้อเท็จจริงอีกครั้งว่าเกี่ยวข้องมากน้อยแต่ไหน รวมถึงตัวนายทักษิณในฐานะผู้สนับสนุนการกระทำความผิดด้วย ก็คงต้องดูรายละเอียดเพิ่มเช่นกัน” แหล่งข่าวระบุ

ขณะที่ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ยื่นคำร้องขอตรวจสอบการบังคับโทษตามคำพิพากษาของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า การวินิจฉัยครั้งนี้ศาลฯ ได้นำข้อเท็จจริงทั้งจากข้อกฎหมาย รวมทั้งประเด็นคำร้องที่ตนเคยยื่นเอาไว้เมื่อ 2 ครั้งก่อน นอกจากนี้ยังได้พยานหลักฐานใหม่ ทั้งจาก ป.ป.ช. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ คณะกรรมาธิการด้านสิทธิมนุษยชนของวุฒิสภา และแพทยสภา มาประกอบข้อเท็จจริง จนพบว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้น

นายชาญชัย กล่าวว่า คำตัดสินดังกล่าว ศาลวินิจฉัยแล้วเห็นว่า เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ดำเนินการส่งตัวนายทักษิณออกนอกเรือนจำไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลข้างนอก เป็นขั้นตอนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากไม่เป็นไปตามมาตรา 55 แห่ง พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 ส่วนนายทักษิณนั้น วินิจฉัยชัดว่า รู้ตัวเองว่าไม่ได้ล้มป่วยตามที่กล่าวอ้าง และแน่ชัดว่า นายทักษิณอยู่เบื้องหลังและรู้เห็นเป็นใจให้เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์กระทำความผิด จึงถือเป็นผู้สนับสนุนให้เจ้าหน้าที่กระทำความผิด กล่าวโดยสรุปคือ การถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลก่อนจะถูกพักโทษของนายทักษิณนั้น เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และยังส่งผลทำให้การพักโทษตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นเดียวกัน ศาลจึงมีคำสั่งบังคับโทษจำคุกตามคำพิพากษา 1 ปี 

ส่วน นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า ขอชื่นชมนายทักษิณที่กล้ากลับมาเข้าสู่กระบวนการเพื่อให้เกิดการเดินหน้าต่อไป 

“หลังจากนี้นั้น ทาง ป.ป.ช. คงจะต้องนำคำสั่งของศาลไปดำเนินการต่อไป โดยเฉพาะการขยายประเด็นเพื่อเอาผิดเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทั้งเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม รวมทั้งตัวนายทักษิณที่ร่วมกระทำความผิดด้วย นอกจากนี้ คำสั่งของศาลจะถูกนำไปเป็นพยานหลักฐานในคณะกรรมการสอบวินัยของโรงพยาบาลตำรวจ ยืนยันว่า จะเข้าไปติดตามขยายผลการดำเนินการทั้งของ ป.ป.ช. และของโรงพยาบาลตำรวจต่อไป”  นายสมชายระบุ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ จำนวน 12 ราย ที่จะถูกดำเนินไต่สวนกรณีนี้ ประกอบด้วย

1. นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์

2. นายสิทธิ สุธีวงศ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์

3. นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์

4. นายนัสที ทองปลาด ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

5. พลตำรวจโท โสภณรัชต์ สิงหจารุ เมื่อครั้งนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ

6. พลตำรวจโท ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ

7. พันตำรวจเอก ชนะ จงโชคดี นายแพทย์ (สบ 5) โรงพยาบาลตำรวจ แพทย์เจ้าของไข้ และผู้ออกใบความเห็นแพทย์

8. พลตำรวจตรี สามารถ ม่วงศิริ แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ผู้ออกใบความเห็นแพทย์

9. นายแพทย์ วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์

10. แพทย์หญิง รวมทิพย์ สุภานันท์ แพทย์ผู้ตรวจร่างกายขณะรับตัวผู้ต้องขังใหม่

11. นายสัญญา วงค์หินกอง พัศดีเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

12. นายธัญพิสิษฐ์ ขบวน พยาบาลเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

อย่างไรก็ดี การตั้งองค์คณะไต่สวนคดีนี้ของป.ป.ช. เป็นการไต่สวนคดีตามขั้นตอนทางกฎหมาย ยังต้องผ่านขั้นตอนอีกหลายขั้นตอน ถ้าพบว่า มีมูลจึงจะมีการแจ้งข้อกล่าวหา และเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจง จากนั้นจึงจะสรุปสำนวน ส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลอีกครั้ง

ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐทั้ง 12 ราย ตามรายชื่อข้างต้น ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่