ข่าวประจำวัน » งานนี้ซวยยกเข่ง !! อดีตผู้พิพากษา ชี้ ชั้น 14 รมว.ยุติธรรม-หมอ-พยาบาลส่อคุก

งานนี้ซวยยกเข่ง !! อดีตผู้พิพากษา ชี้ ชั้น 14 รมว.ยุติธรรม-หมอ-พยาบาลส่อคุก

10 July 2025
50   0

วัส ติงสมิตร” อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ชี้ หมอพยาบาลเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ไม่รอด เผยเตรียมรับวิบากกรรม ป่วยทิพย์ชั้น 14

“อดีตผู้พิพากษา ศาลฎีกา” กางเหตุผล 7 ข้อ โยง “รมว.ยุติธรรม-แพทย์-พยาบาล-จนท.ราชทัณฑ์” เป็นไปได้โดนฟ้องผิดเอื้อ “ทักษิณ” นอนชั้น 14

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2568 นายวัส ติงสมิตร นักวิชาการอิสระ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และอดีตประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โพสต์เฟซบุ๊ก วัส ติงสมิตร ระบุว่า “แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ ล้วนมีวิบากกรรมที่ต้องชำระกรณีป่วยทิพย์ชั้น 14”

มีรายงานข่าวเมื่อเย็นวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 จากแพทยสภา เกี่ยวกับการตรวจสอบแพทย์ 4 ราย ที่มีผู้กล่าวโทษว่า ประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม กรณีการตรวจรักษานายทักษิณ ชินวัตร (อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นนักโทษเด็ดขาด) ที่สถานพยาบาลเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ระหว่างวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ถึงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2567 ว่าคณะกรรมการแพทยสภาพิจารณาแล้ว มีมติเป็นรายบุคคล ดังนี้

ก)นายแพทย์ ว. (ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์) ในข้อกล่าวหา ให้ข้อมูลหรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง
มติ: ยกข้อกล่าวโทษ
ข) แพทย์หญิง ร. (แพทย์ผู้ตรวจร่างกายแรกรับ) ในข้อกล่าวหา มีพฤติการณ์ไม่เป็นไปตามมาตรฐานการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
มติ: ว่ากล่าวตักเตือน
ค) พลตำรวจโท นายแพทย์ ส. (นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจในขณะเกิดเหตุ ต่อมาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.) ในข้อกล่าวหา ให้ข้อมูลหรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความจริง
มติ: พักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม เป็นเวลา 3 เดือน (มีผล 1 ต.ค. 2568 – 31 ธ.ค. 2568)
ง) พลตำรวจโท นายแพทย์ ท. (รองนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ต่อมาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นนายแพทย์ใหญ่)
ข้อกล่าวหา ให้ข้อมูลหรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง
มติ: พักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม เป็นเวลา 6 เดือน (มีผล 1 ต.ค. 2568 – 31 มี.ค. 2569)

ผู้เขียนเห็นว่า..

1) ปัจจุบัน แพทยสภาได้ออกคำสั่งลงโทษแพทย์ทั้งสามรายดังกล่าวแล้ว คำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งทางปกครอง แพทย์ที่ถูกลงโทษสามารถฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งต่อศาลปกครองกลางภายใน 90 วันนับแต่วันที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี (พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 49)

2) การลงโทษของแพทยสภาดังกล่าว เป็นการลงโทษฐานประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม ส่วนราชการต้นสังกัดยังมีหน้าที่ต้องสอบความผิดทางวินัยต่อไป

โทษทางวินัยของข้าราชการพลเรือนมี 5 สถาน คือ ภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน ลดเงินเดือน ปลดออก และไล่ออก (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 88)

โทษทางวินัยของข้าราชการตำรวจ มี 7 สถาน คือ ภาคทัณฑ์, ทัณฑกรรม, กักยาม, กักขัง, ตัดเงินเดือน, ปลดออก และไล่ออก (พ.ร.บ. ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา 82)

3) แพทย์ที่ถูกลงโทษทางจริยธรรม และลงโทษทางวินัยแล้ว หากปรากฏว่า มีเจตนาช่วยเหลือให้นักโทษเด็ดขาดพ้นโทษหรือรับโทษน้อยลง อาจมีความผิดอาญาฐานทำคำรับรองเป็นเอกสารอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน (ป.อาญา มาตรา 269) และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต (ป.อาญา มาตรา 157)

4) พัศดีและเจ้าหน้าที่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร รวมทั้งอธิบดีกรมราชทัณฑ์ อาจมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานกระทำด้วยประการใด ๆ ให้ผู้ที่อยู่ในระหว่างคุมขังหลุดพ้นจากการคุมขังไป (ป.อาญา มาตรา 204) และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต (ป.อาญา มาตรา 157)

5) นักโทษเด็ดขาดอาจมีความผิดฐานใช้หรือสนับสนุนให้เจ้าพนักงานกระทำความผิดอาญา

6) พนักงานอัยการมีอำนาจฟ้องผู้กระทำความผิดดังกล่าวต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤตมิชอบกลาง ซึ่งเป็นศาลชั้นต้น แต่หากปรากฏว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมร่วมกระทำความผิดด้วย อัยการสูงสุดหรือคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีอำนาจฟ้องผู้กระทำความผิดทุกคนต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

7) การฟ้องคดีอาญาดังกล่าวเป็นคนละส่วนกับคดีที่ศาลฎีกาฯ กำลังไต่สวนว่า มีการบังคับตามคำพิพากษาที่ไม่เป็นไปตามหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดของศาลฎีกาฯ หรือไม่ ครับ