.
นายคมสัน โพธิ์คง ‘นักนิติศาสตร์’ กางกฎหมาย เชื่อ ทักษิณคงหนีแน่ๆ เพราะถ้าอยู่ติดคุกน่าจะอยู่จนตายไม่ได้ออก เนื่องจากทักษิณต้องกลับไปจำคุกในเบื้องต้นเสียก่อนเป็นเวลา 1 ปี
วันที่ 20 พฤษภาคม 2568 นายคมสัน โพธิ์คง นักวิชาการด้านนิติศาสตร์ โพสต์ข้อความว่า “หนีแน่ๆ” ตอนนี้มีแต่ข่าวลือและมีการพนันขันต่อกันว่า ถ้าศาลฎีกาพิจารณาเอกสารของทักษิณและหน่วยงานต่างๆ แล้วมีคำสั่งว่าที่ผ่านมาทักษิณยังไม่เคยรับโทษจำคุกตามหมายบังคับโทษของศาล ทักษิณจะหนีหรือเปล่า พรรคพวกส่วนใหญ่ต่อให้หนี ไม่มีใครรองว่าอยู่ ผมไม่พนันต่อรองกับใคร แต่รอมั่วรับไปทานเลี้ยงของคนชนะ โดยส่วนตัวของผมด้วยเหตุแห่งมนุษยธรรม(อ้างไปงั้นแหล่ะ)ผมวิเคราะห์แล้วเห็นว่า ทักษิณคงหนีแน่ๆ เพราะถ้าอยู่ติดคุกน่าจะอยู่จนตายไม่ได้ออก เนื่องจากทักษิณต้องกลับไปจำคุกในเบื้องต้นเสียก่อนเป็นเวลา ๑ ปีตามประกาศพระบรมราชโองการให้ลดโทษ เมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๖ ที่ให้ลดโทษจาก ๘ ปี เหลือ ๑ ปี แต่ผลพวงที่ตามมานี่สิ มันน่ากลัวมาก มีอะไรบ้างมาดูกัน
๑. ตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๕๕ วรรคท้าย ระบุว่า “ในกรณีที่ส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำตามวรรคสอง มิให้ถือว่าผู้ต้องขังนั้นพ้นจากการคุมขัง และถ้าผู้ต้องขังไปเสียจากสถานที่ที่รับผู้ต้องขังไว้รักษาตัว ให้ถือว่ามีความผิดฐานหลบหนีที่คุมขังตามประมวลกฎหมายอาญา” หากศาลระบุว่า ทักษิณไม่ได้รับโทษจำคุกเลย คดีที่ตามต่อมาก็คือ คดีนักโทษหนีจากที่คุมขัง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๙๐ ที่บัญญัติไว้ว่า
“มาตรา ๑๙๐ ผู้ใดหลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขังตามอำนาจของศาล ของพนักงานอัยการ ของพนักงานสอบสวน หรือของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าความผิดดังกล่าวมาในวรรคแรกได้กระทำโดยแหกที่คุมขัง โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือโดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าความผิดตามมาตรานี้ได้กระทำโดยมีหรือใช้อาวุธปืน หรือวัตถุระเบิด ผู้กระทำต้องระวางโทษหนักกว่าโทษที่กฎหมายบัญญัติไว้ในสองวรรคก่อนกึ่งหนึ่ง
นอกจากทักษิณจะต้องติดคุกตามประกาศพระบรมราชโองการให้ลดโทษ เมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๖ เป็นเวลา ๑ ปีแล้ว จะต้องถูกดำเนินคดีต่อตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๙๐ ประกอบกับพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ฯ มาตรา ๕๕ วรรคท้าย ซึ่งหากศาลว่าผิดจริง(คุณเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส กับสุรเชษฐ์ หักพาลน่าจะเป็นพยานปากสำคัญ) คงต้องโทษจำคุกเพิ่มอีกไม่เกิน ๕ ปี ซึ่งโดยพฤติกรรมถ้าศาลเห็นว่าร้ายแรงต่อกระบวนการยุติธรรม(ผมเห็นว่าร้ายแรงเพราะทักษิณเป็นผู้นำจิตวิญญาณที่มีอิทธิพลทางความคิดเหนือรัฐบาล) ศาลอาจลงเต็มถึง ๕ ปีเลยก็ได้
๒. ทักษิณอาจต้องร่วมกันรับผิดในฐานเป็นผู้ใช้หรือเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และคณะแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการส่งตัวทักษิณไปนอกเรือนจำ รวมทั้งแพทย์ในโรงพยาบาลตำรวจที่เกี่ยวข้อง ซึ่งต้องอาจถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ มาตรา ๑๘๔ มาตรา ๒๐๓ และมาตรา ๒๐๔ ซึ่งอาจต้องรับโทษต่างกรรมต่างวาระกัน ซึ่งต้องรับโทษรายกระทง และอาจต้องรับโทษตั้งแต่ ๑ ปีถึง ๑๐ปี และอาจต้องรับโทษฐานเป็นตัวการหรือผู้สนับสนุนในความผิดที่ทักษิณจะต้องได้รับตาม ๑ ด้วย ส่วนทักษิณที่ต้องรับผิดฐานเป็นในฐานเป็นผู้ใช้หรือเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดของกลุ่มบุคคลเหล่านั้น ซึ่งต้องรับโทษเพิ่มเติมจาก ๑. เท่าบุคคลเหล่านั้นหรือย่างน้อยสองในสามของโทษที่บุคคลเหล่านั้นได้รับ
๓. การขอรับพระราชทานอภัยโทษตามประกาศพระบรมราชโองการให้ลดโทษ เมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๖ มีข้อความระบุว่าทักษิณได้รับโทษมาแล้ว ๑๐ วัน และนายทักฺษิณได้สำนึกผิดในความผิดที่ตนกระทำ ซึ่งเป็นการบังคมทูลด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ถึงแม้จะไม่มีโทษของการฝ่าฝืนพระบรมราชโองการในกฎหมายใดๆ ก็ตาม แต่โดยส่วนตัวผมเห็นว่า ผู้กระทำการจนเป็นเหตุให้มีการทูลเกล้าขอพระราชทานอภัยโทษ ทำการที่เป็นการแสดงออกในลักษณธหลอกลวงไม่แสดงความเคารพต่อพระราชสถานะของพระมหากษัตริย์ที่ทรงอยู่เหนือการเมือง ทำการหลอกลวงอันเป็นเท็จเพื่อให้ทรงมีพระบรมราชโองการอภัยโทษ ซึ่งเป็นการกระทำที่เข้าลักษณะการดูหมิ่นไม่เคารพต่อพระมหากษัตริย์ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ต้องระวางโทษตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี ทักษิณซึ่งมีส่วนร่วมอาจต้องถูกดำเนินคดีในความผิดดังกล่าวด้วยในฐานเป็นตัวการหรือผู้สนับสนุนการกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าวด้วย
๔. ทักษิณยังมีคดีค้างอยู่ในศาลอาญา คดีการกระทำความผิดที่กล่าวดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ที่กล่าวกับช่องโทรทัศน์ของเกาหลี อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ต้องระวางโทษตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี ซึ่งโดยสถานะของทักษิณที่ผ่านมาและการต่อสู้คดีที่แสดงว่าไม่สำนึกผิดในการกระทำ อาจถูกลงโทษเต็มระวางความผิดก็ได้
เมื่อรวมๆความผิดและระวางโทษที่จะได้รับในคดีต่างๆ ที่วิเคราะห์มาแล้ว เผลอๆอาจต้องติดคุกเพิ่มขั้นต่ำประมาณ ๖-๘ ปี หรือขั้นสูงถึง ๔๐-๔๘ ปี ตอนนี้ทักฺษิณอายุ ๗๕ ปีแล้ว ถ้ารับโทษเต็มๆตามการวิเคราะห์ จะออกจากเรือนจำอย่างเร็วสุดตอนอายุ ๘๓ ปี อย่างช้าสุด ๑๑๓ ปี
แค่นี้ยังไม่รวมถึงที่มีผู้อื่นต้องรับผิดอีกนะ เช่นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หรือนายกรัฐมนตรี ที่เข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ซึ่งอาจทำให้มีความผิดฐานเป็นตัวการหรือผู้สนับสนุนนะ
เมื่อวิเคราะห์แบบนี้ผมเลยไม่พนันกับใคร เพราะถ้าพนันกันผมได้กินแน่ๆ เพราะทักษิณคงไม่อยู่ติดคุกแน่ ตามที่จตุพร พรหมพันธ์ กล่าวไว้กันว่าทักษิณจะไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว
หนีแน่เลยครับ.