ข่าวประจำวัน » #’ชาญวิทย์’ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เตรียมยื่นหนังสือถึงผบ.ตร.เปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน

#’ชาญวิทย์’ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เตรียมยื่นหนังสือถึงผบ.ตร.เปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน

31 January 2018
606   0

31 ม.ค.61 นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนักวิชาการ กล่าวภายหลังเข้าพบ พ.ต.ท.กฤต เสนีวงศ์ ณ อยุธยา รอง สว. (สอบสวน) กก.3 บก.ปอท.

แนวหน้า-เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีแชร์มั่วราคากระเป๋าถือของ นางนราพร จันทร์โอชา ภริยาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า หลังเข้าพบเจ้าหน้าที่ บก.ปอท.จึงทราบว่า พ.ต.อ.โอฬาร สุขเกษม ผกก.3 บก.ปอท.เป็นผู้แจ้งความตามความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ม.14 (2) , (5) นำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยรู้อยู่แล้วว่าข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยน่าจะเกิดทำให้ตื่นตระหนกแก่ประชาชน / เผยแพร่หรือส่งต่อ ซึ่งมีข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยรู้อยู่แล้วว่าข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยน่าจะเกิดทำให้ตื่นตระหนกแก่ประชาชน

นายชาญวิทย์ กล่าวอีกว่า ตนได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าว และจะชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร ภายในเวลา 20 วัน ครั้งนี้ถือเป็นประสบการณ์ในการเป็นผู้ต้องหา เนื่องจากตนเคลื่อนไหวทางสังคมและถูกตีความเป็นการเมือง ซึ่งตนเคลื่อนไหวมาตลอดตั้งแต่เป็นนักศึกษา และเป็นอาจารย์ ม.ธรรมศาสตร์ เมื่อปี 2516

ส่วนจะเป็นคดีปิดปากหรือไม่นั้น นายชาญวิทย์ กล่าวยอมรับว่า จากกรณีที่เกิดเหตุการณ์ถูก ปอท.แจ้งความเอาผิดก็ทำให้ตนคิดหนักเหมือนกัน แต่ถ้าพูดกันตรงๆ ก็อยู่มาจนอายุเกือบ 80 ปีแล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าตนจะช่วยให้สังคมนี้เป็นสังคมเปิด มีข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ก็ยืนยันจะทำต่อไป

ด้าน นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ กล่าวว่า พ.ต.อ.โอฬาร เป็นผู้แจ้งความร้องทุกข์ ตามความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ นั้น มีโทษปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยทางนายชาญวิทย์ ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เพราะได้โพสต์ข้อความที่ไม่เป็นอันตรายต่อประเทศชาติ แต่อาจเสียหายต่อบุคคล

ต่อข้อถามว่า ได้สอบถามข้อสงสัยเหตุที่ พ.ต.อ.โอฬาร เป็นผู้กล่าวร้องทุกข์หรือไม่ นายกฤษฎางค์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่แจ้งว่าเนื่องจากเป็นอาญาแผ่นดิน ไม่ใช่ความผิดส่วนตัว และเหตุเกิดทั่วราชอาณาจักร ซึ่งบุคคลใดก็สามารถกล่าวโทษร้องทุกข์ได้ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่ากล่าวหาความผิดกรรมเดียวที่แชร์ข้อความไปเท่านั้น โดยหลังจากนี้อีก 20 วัน จะมาให้ปากคำเป็นทางการลายลักษณ์อักษร สำหรับวันนี้ผู้ต้องหามาพบพนักงานสอบสวนเองโดยที่ยังไม่มีหมายเรียกตัว แต่นายชาญวิทย์ มาเพื่อสอบถามว่ามีการกล่าวหาจริงหรือไม่ ขณะนี้ถือว่าคดีอยู่ในชั้นขั้นตอนการสอบสวน

“กรณีนี้เขาใช้คำว่า เป็นกรณีที่ทำให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประประชาชน ซึ่งกระเป๋าใบเดียวเนี่ยนะจึงเป็นกรณีที่เขาสามารถกล่าวโทษได้ แต่ผมเข้าใจว่าเรื่องนี้เราน่าจะยังไม่ได้รับความเป็นธรรมเพียงพอ จึงเรียกร้องขอให้เปลี่ยนพนักงานสอบสวน เพราะกรณีนี้พนักงานสอบสวนบอกว่าเหตุเกิดทั่วราชอาณาจักร ดังนั้น ให้ สภ.ท้องที่ หรือโรงพักไหนทำก็ได้ แต่เนื่องจากกรณีผู้กำกับ 3 ของ บก.ปอท.แจ้งความเอง และให้ลูกน้องเป็นคนสอบสวน เราจึงเห็นว่าไม่น่าจะเหมาะสม เพราะกรณีที่ผู้บังคับบัญชากล่าวหาและผู้ใต้บังบัญชาสอบสวน แล้วนายชาญวิทย์ เป็นคนที่ถูกกล่าวหา จึงไม่น่าจะได้รับความเป็นธรรมเพียงพอ”นายกฤษฎางค์ กล่าว

นายกฤษฎางค์ กล่าวต่อว่า ภายในระยะเวลา 20 วัน นายชาญวิทย์จะทำหนังสือถึงผู้บังคับบัญชาชั้นสูงสุดของ พ.ต.อ.โอฬาร ซึ่งอาจจะเป็น ผบ.ตร.ก็ได้ โดยจะชี้แจงเหตุผลว่าทำไมจึงเห็นว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะพนักงานสอบสวนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของผู้กล่าวหา จึงมีโอกาสที่จะไม่ได้รับความเป็นธรรม ดังนั้น เราจะขอให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนที่เป็นกลาง

“เดิมเราเข้าใจผิดคิดว่าผู้เสียหายหรือที่มีชื่อปรากฏในโพสต์เฟซบุ๊กจะเป็นผู้มาแจ้งความเอง ซึ่งเป็นโพสต์ที่ปรากฏในเฟซบุ๊กของคนอื่น ไม่ใช่โพสต์ในเฟซบุ๊กของนายชาญวิทย์ แต่ความจริงกลับเป็น พ.ต.อ.โอฬาร สุขเกษม ผกก.3 บก.ปอท.มาแจ้งความเอง” นายกฤษฎางค์ กล่าว

สำนักข่าววิหคนิวส์