ข่าวประจำวัน » #ขัดสิทธิเสรีภาพ! สนช.รุมอัดตัดสิทธิคนไม่ไปเลือกตั้ง ห้ามเป็นขรก.สภาฯ

#ขัดสิทธิเสรีภาพ! สนช.รุมอัดตัดสิทธิคนไม่ไปเลือกตั้ง ห้ามเป็นขรก.สภาฯ

25 January 2018
628   0

25 ม.ค.61 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้พิจารณามาตรา 35 ที่เกี่ยวข้องกับการจำกัดสิทธิของผู้ที่ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง หรือแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งแล้ว

แนวหน้า-แต่เหตุนั้นมิใช่เหตุอันควร กรรมาธิการเสียงข้างมากได้เพิ่มตัดสิทธิการสมัครเข้ารับราชการ พนักงาน ลูกจ้างของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ราชการฝ่ายรัฐสภา ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการฝ่ายรัฐสภา (กร.) การตัดสิทธิการได้รับแต่งตั้งเป็นข้าราชการการเมือง และการตัดสิทธิการได้รับการแต่งตั้งรองผู้บริหาร ผู้ช่วยและที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น โดยมีกำหนดการตัดสิทธิเป็นเวลา 2 ปี

นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ กรรมาธิการเสียงข้างน้อย อภิปรายว่า ตนเห็นด้วยการตัดสิทธิได้รับการแต่งตั้งเป็นข้าราชการการเมือง หากไม่ไปใช้สิทธ์เลือกตั้ง แต่ไม่เห็นด้วยกับการจำกัดสิทธิสมัครรับราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการฝ่ายรัฐสภา (กร.) ที่ไม่ควรต้องถูกตัดสิทธิ โดยข้าราชการรัฐสภามีการสมัคร สอบบรรจุ แต่งตั้งตามบัญชี ตามระเบียบและหลักเกณฑ์ของ กร.ก็ถือเป็นข้าราชการเหมือนกับข้าราชการกระทรวงอื่นๆ เช่น ก.สาธารณสุข ก.ศึกษาธิการ ก.อุตสาหกรรมฯ แต่การที่เขียนจำกัดสิทธิเช่นนี้เท่ากับเป็นการเลือกปฏิบัติ ขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 26 และมาตรา 40 ซึ่งเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของบุคคล ที่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ ส่วนการที่รัฐธรรมนูญไม่มีเงื่อนไขไว้ การตรากฎหมายอื่นต้องไม่ขัดนิติธรรม และต้องไม่เป็นการบังคับกับบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

ด้าน นายอัชพร จารุจินดา ตัวแทนจากคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อย ที่สงวนความเห็นให้คงตามร่างเดิม ชี้แจงว่า การตัดสิทธิผู้ที่ไม่ไปเลือกตั้งได้พิจารณากฎหมายหลายฉบับ รวมทั้งรัฐธรรมนูญด้วย ซึ่งการถูกจำกัดสิทธิบางประการตามที่กฎหมายบัญญัติเท่าที่จำเป็น ไม่ขัดกับหลักนิติธรรม ไม่จำกัดสิทธิเสรีภาพเกินสมควร สิ่งที่กรรมาธิการเสียงข้างมากเพิ่ม (4) จำกัดสิทธิสมัครรับราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการฝ่ายรัฐสภา ซึ่งการรับราชการคือการประกอบอาชีพเหมือนกับอาชีพอื่นๆ จึงถือว่าเป็นการจำกัดสิทธิในการประกอบอาชีพ โดยรัฐธรรมนูญมาตรา 40 ว่า บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการประกอบอาชีพ ซึ่งการการจำกัดสิทธิ์ในการประกอบอาชีพต้องเป็นเรื่องของความมั่นคงหรือเศรษฐกิจของประเทศ การแข่งขันอย่างเป็นธรรม การป้องกันหรือขจัดการกีดกันหรือผูกขาดฯ การจัดระเบียบการประกอบอาชีพเพียงเท่าที่จำเป็น ดังนั้น การตัดสิทธิสมัคร (4) จึงสุ่มเสี่ยงกับการขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 40 ประกอบกับมาตรา 26 และ 27 ซึ่งการตรากฎหมายโดยเฉพาะเช่นนื้จึงถือเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม เพราะจำกัดเพียงสำนักงานรัฐสภาเพียงแห่งเดียว ส่วนการจำกัดสิทธิการได้รับแต่งตั้งเป็นข้าราชการการเมือง ผู้บริหาร รองผู้บริหารท้องถิ่น ซึ่งกระบวนการได้มาของคนเหล่านี้เป็นไปตามกฎหมายเมื่อได้รับเลือกมาแล้ว แต่ไม่ได้รับการแต่งตั้งด้วยการถูกจำกัดสิทธิตามมาตรานี้จะเป็นการขัดรัฐธรรมนูญที่ซ้ำซ้อนหรือไม่

นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิก สนช.อภิปรายว่า การตัดสิทธิการสมัครเข้ารับราชการ เป็นการตัดสิทธิเกินควร มีเจตนาให้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ รู้ชัดๆ ว่าการเติมข้อความดังกล่าวขัดกับรัฐธรรมนูญ แล้วทำทำไม หรือเพื่อต้องการให้มีการยื่นตีความต่อศาลรัฐธรรมนูญ เป็นการเมืองล้วนๆ ไม่มีเหตุผลรองรับ ดังนั้น ขอให้ กมธ.ถอนการเพิ่ม (4 ) ออกไป

นายตวง อันทะไชย สมาชิก สนช.อภิปรายว่า กมธ.มีนักกฎหมายมากมายที่เข้าใจไม่ต่างจากพวกตน ย่อมรู้ว่าการเขียนกฎหมายขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ เรากำลังเขียนกฎหมายเป็นเครื่องมือเพื่อใช้ในการเลือกตั้ง ส.ส.ดังนั้น เราน่าจะยอมรับความจริง และหากเพิกถอนออกไปได้ก็ควรดำเนินการ หากไม่ยอมพวกตนก็คงต้องยื่นศาลรัฐธรรมนูญ

ด้าน นายเสรี สุวรรณภานนท์ กมธ.วิสามัญฯ เสียงข้างมาก ยืนยันว่า ไม่ได้อยากตัดสิทธิใคร และไม่มีเจตนาหรือตั้งใจให้ขัดกับรัฐธรรมนูญ แต่เนื่องจากรัฐธรรมนูญปัจจุบันไม่ได้บัญญัติเรื่องการเสียสิทธิเอาไว้ ขณะที่รัฐธรรมนูญ 2550 ก็มีการระบุเรื่องการตัดสิทธิที่ไม่ไปใช้สิทธิเอาไว้ และมาตรา 35 นั้น คงต้องถาม กรธ.ว่า ใน (1) (2) (3) มีเจตนาอะไร เพราะมีการใช้คำว่าจำกัดสิทธิการสมัคร ซึ่งถือว่าขัดรัฐธรรมนูญเหมือนกัน

“เมื่อจะเขียนเพื่อกระตุ้นให้คนมาลงคะแนน ก็ต้องเขียนให้สมบูรณ์ ซึ่งเดิมคิดไปไกลถึงขั้นตัดสิทธิการรับราชการทั้งหมด หรือผู้มีตำแหน่งในปัจจุบันก็พ้นจากตำแหน่งด้วย ทั้งหมดเจตนาเพื่อให้มาลงคะแนน หากป่วยหรือมีความจำเป็น หรือติดภารกิจก็สามารถแจ้งได้ทั้งก่อนหรือหลังวันเลือกตั้ง ยืนยันว่าเราเจตนาเขียนเพื่อให้คนมาลงคะแนนมากๆ เพื่อสู้กับคะแนนที่เกิดจากการซื้อเสียง” นายเสรี กล่าว

สำนักข่าววิหคนิวส์