เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 28 พฤศจิกายน 2560 นายกรณ์ จาติกวณิช ประธานกรรมการนโยบาย พรรคประชาธิปัตย์และคณะทำงาน
แถลงข่าวเนื่องจากขณะนี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยวข้าวชาวนาในภาคอีสาน และในหลายพื้นที่ทั่วประเทศกำลังอยู่ในฤดูเก็บเกี่ยวข้าว เมื่อข้าวออกสู่ตลาดพร้อมกันในจำนวนมาก อาจส่งผลให้ราคาข้าวที่ต่ำอยู่แล้ว มีราคาตกต่ำลงไปอีก ประกอบกับรัฐบาลได้มีการปรับคณะรัฐมนตรีใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ ที่เกี่ยวข้องกับราคาข้าวโดยตรง
นอกจากกรณีปัญหาราคายางพาราที่ตัวแทนของพรรคฯ ได้แถลงไปแล้วเมื่อวานนี้ วันนี้คณะทำงานด้านนโยบายเกษตร พรรคประชาธิปัตย์ได้ศึกษาเพื่อแนวทางการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้มาโดยตลอดและได้ใช้ช่วงเวลาที่ผ่านมา รับฟังปัญหาจากเกษตรกรทั่วประเทศ จึงขอเป็นตัวแทนเกษตรกรนำเสนอแนวความคิดทางนโยบายเพื่อให้รัฐบาลได้นำไปแก้ปัญหาดังต่อไปนี้
1.ขอให้รัฐบาลนำโครงการ “ประกันรายได้เกษตรกร” มาใช้ในฤดูการผลิต 2560/2561 ที่จะถึงนี้โดยให้จ่ายสมทบ “เงินส่วนต่าง” แก่เกษตรกรโดยตรงเข้าบัญชี ธ.ก.ส.
– ชาวนาจะมีรายได้เพิ่มเป็น 12,000 บาท/ตัน สำหรับข้าวเปลือกเจ้า
– ชาวนาจะมีรายได้เพิ่มเป็น 16,000 บาท/ตัน สำหรับข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกเหนียว
2.ขอให้รัฐบาลสนับสนุนต้นทุนค่าเก็บเกี่ยวและค่าปรับปรุงคุณภาพข้าวไร่ละ 1,200 บาท โดยเพิ่มจากครัวเรือนละไม่เกิน 10 ไร่หรือ 12,000 บาท เป็นไม่เกิน 20 ไร่หรือ 24,000 บาท
3.ขอให้รัฐบาลส่งเสริมให้ชาวนา เก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางของตนเองหรือชุมชน ด้วยการสนับนสนุนมาตรการสินเชื่อชะลอการขายข้าว มอบสินเชื่อในสัดส่วนร้อยละ 90 ของราคาตลาด โดยรัฐบาลจะเป็นผู้ชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ชาวนาทดแทน
คณะทำงานทีมนโยบายด้านเกษตร เชื่อมั่นว่า หากนำมาตรการเหล่านี้ไปใช้ในฤดูการผลิตที่กำลังจะมาถึง จะเป็นการช่วยเหลือพี่น้องชาวนาได้ตรงจุด และทันเวลามากที่สุด เนื่องจากจะทำให้เงินถึงมือชาวนาได้โดยตรงทุกครัวเรือนผ่านบัญชีธนาคารของตัวเอง ไม่รั่วไหล และไม่ผ่านตัวกลางราชการอื่น
นโยบาย “ประกันรายได้เกษตรกร” จะช่วยให้พี่น้องชาวนาทั่วประเทศ ที่กำลังประสบปัญหารายได้ไม่พอรายจ่าย มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ส่งผลต่อการเพิ่มกำลังซื้อภาคครัวเรือน และเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากให้กลับมาเข้มแข็งได้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ทางคณะทำงานนโยบายด้านเกษตรมีความหวังร่วมกับชาวนาเมื่อได้เห็นรายชื่อของรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์เป็นอย่างมาก จึงคาดหวังที่จะเห็นแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาสินค้าเกษตรของไทยเป็น สินค้าเกษตรพรีเมี่ยม โดยกระทรวงเกษตรฯ และแผนยุทธศาสตร์ในการสนับสนุนแหล่งตลาดสำหรับสินเค้าเกษตรพรีเมี่ยม โดยกระทรวงพาณิชย์ คณะทำงานฯ เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่ายุทธศาสตร์ดังกล่าวจะเป็นการสร้างความยั่งยืนด้านรายได้แก่พี่น้องเกษตรกรไทยอย่างแท้จริง
ที่มา:ประชาชาติธุรกิจ
สำนักข่าววิหคนิวส์