ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #ดาวโจนส์ดิ่งกว่า 200 จุด #ร่วงหนักสุดรอบเกือบ 2 เดือน 

#ดาวโจนส์ดิ่งกว่า 200 จุด #ร่วงหนักสุดรอบเกือบ 2 เดือน 

18 May 2017
592   0

#ผวาทรัมป์ถูกถอดถอนกระทบแผนกระตุ้นศก. : ดัชนีดาวโจนส์เปิดแดนลบในวันนี้ โดยร่วงลงเป็นวันที่ 7 ในรอบ 8 วันทำการ จากการที่นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะความขัดแย้งทางการเมืองในสหรัฐ


ณ เวลา 20.58 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 20,758.27 จุด ลดลง 221.48 จุด หรือ 1.06% ซึ่งเป็นการทรุดตัวลงมากที่สุดในรอบเกือบ 2 เดือน

หุ้นกลุ่มการเงินดิ่งลงนำตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้นโกลด์แมน แซคส์ร่วงลงมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก

นักลงทุนวิตกต่อภาวะความวุ่นวายทางการเมืองในสหรัฐ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และอาจส่งผลให้มีการถอดถอนปธน.ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง

ทั้งนี้ การที่ปธน.ทรัมป์สั่งปลดนายเจมส์ โคมีย์ พ้นจากตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) ทำให้มีการมองกันว่าปธน.ทรัมป์กำลังแทรกแซงการทำงานของ FBI

นอกจากนี้ สื่อยังรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้สั่งการให้นายโคมีย์ยุติการสอบสวนประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างนายไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ กับรัฐบาลรัสเซีย ก่อนที่นายโคมีย์จะถูกปลดจากตำแหน่ง

ล่าสุด นายเจสัน แชฟเฟตซ์ ประธานคณะกรรมาธิการฝ่ายตรวจสอบประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้แจ้งให้ FBI ส่งมอบเอกสาร และบันทึกการติดต่อสนทนาระหว่างปธน.ทรัมป์ และนายโคมีย์

ทางด้านผลการสำรวจของ Public Policy Polling พบว่า ผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงชาวสหรัฐเกือบครึ่งหนึ่งต้องการให้ปธน.ทรัมป์ ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง

ทั้งนี้ ผู้ถูกสำรวจ 48% สนับสนุนให้ปธน.ทรัมป์ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง ขณะที่ 41% คัดค้านการดำเนินการดังกล่าว

นอกจากนี้ ผู้ถูกสำรวจ 54% ไม่ชื่นชอบการปฏิบัติหน้าที่ของปธน.ทรัมป์ ขณะที่ 40% แสดงความชื่นชอบ

ผลสำรวจยังระบุว่า ผู้ถูกสำรวจ 45% คิดว่าปธน.ทรัมป์จะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่จนครบวาระ 4 ปี ขณะที่ 43% คาดว่าเขาจะปฏิบัติหน้าที่ครบวาระ

ขณะเดียวกัน Gallup ซึ่งเป็นสำนักสำรวจอีกแห่งหนึ่งระบุว่า ปธน.ทรัมป์ได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับประธานาธิบดีใหม่ทุกคน นับตั้งแต่ที่มีการทำการสำรวจในปี 1953


สำหรับการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในวันนี้นั้น ทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรต่อหุ้นที่ระดับ 1.21 ดอลลาร์ในไตรมาส 1 ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 91 เซนต์

ขณะเดียวกัน บริษัทรายได้ที่ระดับ 1.602 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.562 หมื่นล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ ยอดขายของบริษัทลดลง 1.3% ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะร่วงลง 3.7%

Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ
http://www.reuters.com/article/us-usa-stocks-idUSKCN18D1E0
#Wanwilai วันวิไล รักการดี Vihoknews Germany