ข่าวประจำวัน » อึ้ง ให้สหรัฐขุดแร่ในไทย !! สส.ส้ม ขวางโวย อนุทินลงนามสงบศึกเขมร แต่ให้มาขุดแร่หายากในไทย 

อึ้ง ให้สหรัฐขุดแร่ในไทย !! สส.ส้ม ขวางโวย อนุทินลงนามสงบศึกเขมร แต่ให้มาขุดแร่หายากในไทย 

27 October 2025
130   0

วันที่ 27 ตุลาคม 2568 นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน ตั้งคำถามผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณี MOU ที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงนามร่วมกับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยขอตั้งคำถามอย่างแรกคือ “เราไปลงนามด้านสันติภาพ แล้วแรร์เอิร์ธ เกี่ยวอะไรด้วย เพราะมันไม่มีความจำเป็นใดๆ ในการเซ็น MOU นี้เลย” คำถามต่อมาคือ “นายกฯ บอกว่าได้มีการนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมาแล้วโดยกรมเหมืองแร่ฯ”

นายภัทรพงษ์ ระบุว่า ได้ย้อนดูสรุปผลการประชุม ครม. เพราะไม่เคยเห็นประเด็นนี้ และสุดท้ายก็ไม่มีเรื่องนี้ระบุในสรุปผลประชุม ครม. อีกทั้งกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ก็ยังไม่มีความเชี่ยวชาญในประเด็นแรร์เอิร์ธเลย ในที่ประชุมอนุกรรมาธิการมลพิษทางน้ำข้ามแดน กรมฯ ยังไม่สามารถอธิบายได้ว่าการทำเหมืองแรร์เอิร์ธในประเทศเพื่อนบ้านทำด้วยวิธีอะไร ตนต้องไล่อธิบายวิธีทำแบบ In-situ leaching ที่เจาะรูแล้วฉีดสารเคมีลงดินให้ฟัง

“ในเมื่อรัฐไทยยังไม่มีความพร้อม แล้วรัฐบาลยอมเซ็นให้ประเทศเสียเปรียบขนาดนี้ได้อย่างไร และใน MOU ฉบับนี้ก็ยังไม่มีการระบุเรื่องการทำเหมืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่เรากำลังเจอปัญหาน้ำเป็นพิษที่เชียงใหม่และเชียงรายกันอย่างหนัก รัฐบาลทำให้ไทยกลายเป็นแค่หมากในสงครามแรร์เอิร์ธระหว่างจีน-สหรัฐฯ ไปแล้ว”

ที่แย่ขึ้นไปอีก คือแม้แต่กฎหมายภายในประเทศของเราทุกวันนี้ ยังไม่มีการตรวจสอบ Supply chain ของแร่ที่นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านมาในประเทศเรา ผู้นำเข้าไม่ต้องระบุว่าเอามาจากเหมืองไหน มีการจัดการด้านมลพิษในเหมืองนั้นอย่างไร บอกแค่ว่ามาจากประเทศไหน แค่นั้นนำเข้าได้แล้ว ชัดเจนว่าภายในประเทศเรายังไม่จัดการ ทางแก้ปัญหาเดิมยังไม่มี แต่รัฐบาลกลับเลือกสร้างปัญหาใหม่

MOU ฉบับนี้ถูกบีบเอาไว้หลายประการด้วยกัน ดังนี้

1. ให้สิทธิสหรัฐฯ มาวิเคราะห์การขยายพื้นที่และพิกัดของแร่หายากในประเทศไทย

2. หากเจอพื้นที่แร่หายาก สหรัฐฯ รู้ก่อน โดยระบุไว้เลยว่าต้องบอกสหรัฐฯ ให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และสหรัฐฯ คาดหวังว่าจะได้โอกาสในการลงทุนก่อนเจ้าอื่นด้วย

3. กระบวนการอนุญาตต่างๆ จากผู้ลงทุนของสหรัฐฯ ทั้งจากกฎหมายระดับชาติ หรือท้องถิ่น ต้องถูกทำให้รวดเร็วและคล่องตัวมากขึ้นด้วย

4. แม้การยกเลิก MOU ฉบับนี้ถูกระบุให้สามารถทำได้ทุกเมื่อ แต่ก็ระบุแนบท้ายไว้ด้วยเช่นกันว่า โครงการใดๆ ที่ตกลงกันแล้วก่อนยกเลิก ให้ยึดถือการดำเนินการตาม MOU ฉบับนี้ต่อ แม้ MOU จะถูกยกเลิกไปแล้ว

“นี่ทรัพยากรของประเทศนะครับ ไม่ใช่สิ่งที่จะเอาไปต่อรองเพื่อผลประโยชน์แอบแฝงอะไรแบบนี้ ผมไม่สามารถเชื่อได้เลยว่า รัฐบาลจะยอมเซ็น MOU ที่ประเทศไทยเสียเปรียบทุกทางแบบนี้ โดยไม่มีผลประโยชน์ใดๆ เลย และการยกเลิก MOU กับประเทศใหญ่ที่มีช่องทางบีบเราได้หลายทางแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายด้วยนะครับ รัฐบาลทำพลาดมาก หากรัฐบาลจะอ้างว่า MOU ผูกพันทั้งสองฝ่ายเท่าๆ กันในลักษณะที่ไม่ใช่สนธิสัญญา แต่อ่านถ้อยคำที่ระบุ ล้วนแต่เอื้อประโยชน์ต่อฝ่ายสหรัฐฯ เพราะฝ่ายไทยไม่สามารถไปลงทุนแรร์เอิร์ธในสหรัฐฯ แน่นอน เพราะการทำแรร์เอิร์ธในทวีปอเมริกาต้องใช้ต้นทุนสูงกว่าฝั่งประเทศเราหลายเท่า เนื่องจากต้องเจาะผ่านชั้นหินแข็ง และโอกาสที่จะเจอ Heavy rare earth ที่มีราคาตลาดสูงมากๆ ก็น้อย ส่วนมากจะเป็น Light rare earth ที่มีราคาตลาดต่ำกว่ามาก“

ในตอนท้าย นายภัทรพงษ์ ระบุด้วยว่า ไม่เห็นด้วยกับการลงนาม MOU ฉบับนี้ เพราะฉะนั้นในระหว่างที่รัฐบาลเป็นรัฐบาลชั่วคราวก่อนยุบสภารัฐบาลต้องไม่พิจารณาการทำเหมืองแรร์เอิร์ธในประเทศ และห้ามเปิดช่องให้สหรัฐฯ ใช้ MOU ฉบับนี้มาบีบให้ไทยต้องเปิดทางการทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ธภายในประเทศให้กับสหรัฐอเมริกา และเร่งการทำ Domestic law ตาม MOU ให้เข้มขึ้นจากการออกกฎหมายลูกต่างๆ ตามพระราชบัญญัติแร่ ให้เข้มงวด ในระหว่างที่รอการแก้ พ.ร.บ.แร่ เพื่อเพิ่มความรัดกุมรอบด้าน ไม่ให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมของชาติ.