อดีตนายกฯ แพทองธาร ปรากฏตัวในคลิป 23 นาที ย้ำ “ภารกิจยังไม่จบ” เดินหน้าสานต่องานที่วางรากฐานไว้ตลอด 2 ปี ตั้งแต่นโยบาย 20 บาทตลอดสาย, บ้านเพื่อคนไทย, ปฏิรูประบบสาธารณสุข 30 บาทรักษาทุกที่ ไปจนถึงการผลักดัน Soft Power และการลงทุนต่างชาติ ระบุ “DNA เพื่อไทย” ยึดโยงประชาชนคือหัวใจ พร้อมมั่นใจหากได้โอกาสอีกครั้ง พรรคจะกลับมาขับเคลื่อนประเทศให้กินดีอยู่ดีอย่างยั่งยืน
เพจเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย โพตส์คลิปความยาว 23 นาทีที่กล่าวโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมข้อความระบุว่า ในระยะเวลาการทำงาน 2 ปี ของรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อไทยได้เข้าขับเคลื่อนนโยบาย และเข้ารับมือกับวิกฤตการณ์ รวมถึงเข้าคลี่คลายปัญหาต่าง ๆ โดยมีคำมั่นสัญญาหลักที่เราได้ให้ไว้กับพี่น้องประชาชน คือการมีคุณภาพชีวิตและการกินดีอยู่ดีเป็นปลายทางสำคัญ
แม้ว่าเราจะต้องหยุดการทำงานโดยฉับพลัน แต่พรรคเพื่อไทยยังมีภารกิจที่ได้ทำค้างไว้
ในโอกาสนี้ พรรคเพื่อไทยจึงเสนอ ‘เพื่อไทยจะกลับมา’ ซีรีส์ที่จะรวบรวมเสียงของคนเพื่อไทยที่มีโอกาสได้ทำงานตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา เพื่อเป็นการยืนยันความพร้อมและเป็นการให้คำมั่นกับพี่น้องประชาชนว่า เราจะกลับไปเดินหน้าและสานต่องานที่ได้ทำไว้
เมื่อเราได้รับโอกาสและความไว้วางใจอีกพี่น้องประชาชนอีกครั้ง
เสียงแรกที่จะกลับมา คือ เสียงของ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ นายกรัฐมนตรี คนที่ 31 นายกรัฐมนตรีหญิงที่อายุน้อยที่สุดของประเทศไทย พูดคุยถึงปัญหาความไม่แน่นอนของการเมืองไทย การทำงานท่ามกลางภาวะวิกฤตน้อยใหญ่ ไปจนถึงหลักการสำคัญที่อยู่ในสายเลือดเพื่อไทย ที่ยังคงไหลเวียนสืบเนื่องมาตั้งแต่ยุคไทยรักไทย
พร้อมติด Hashtag #พรรคเพื่อไทย #เพื่อไทยจะกลับมา #แพทองธารชินวัตร
และต่อไปนี้คือเนื้อหาจากคลิป 23 นาที ที่ประชาชาติธุรกิจได้สรุปและรวบรวมเอาไว้
การเป็นนายกรัฐมนตรีและความมั่นคงของรัฐบาล
โดยใน VDO ดังกล่าว น.ส.แพทองธาร กล่าวถึงสาระสำคัญว่า ประเทศไทยมีการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีบ่อยครั้ง ซึ่งทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลสั่นคลอน แต่เธอมองว่าเป็นสิ่งที่ต้องทำไปตามเนื้อผ้า และผู้ที่รับไม้ต่อในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแต่ละท่านก็ต้องพยายามวางรากฐานเพื่ออนาคตไว้ให้มากที่สุด เพราะถ้าไม่วางรากฐานไว้ คนรุ่นหลังจะต้องมาเริ่มนับหนึ่งใหม่ ซึ่งจะใช้เวลานาน เธอรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสรับใช้ชาติในฐานะนายกรัฐมนตรีในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา
ประสบการณ์รับมือกับปัญหาน้ำท่วม
น.ส.แพทองธาร ยังกล่าวอีกว่า ตอนที่เริ่มเป็นนายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ได้เกิดเหตุน้ำท่วมหนักทางภาคเหนือ ในเวลานั้นยังไม่สามารถใช้อำนาจของรัฐได้อย่างเต็มที่ ทำให้รู้สึกอึดอัดที่เห็นน้ำท่วมหนักแต่ไม่สามารถทำอะไรได้ ทีมงานต่างกังวลเรื่องนี้ในเรื่องของกฎหมาย แต่หลังจากแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว ก็ได้รีบเข้าไปจัดการเรื่องน้ำท่วมและรู้สึกว่าจัดการได้ทันเวลา
เธอกล่าวว่าปัญหาน้ำท่วมเกิดขึ้นทุกปีกับทุกรัฐบาล ไม่ได้เป็นเพราะรัฐบาลใดทำ แต่เป็นเรื่องของการบริหารจัดการที่เป็นระบบ เธอมองว่าเงินเยียวยาที่รัฐบาลให้ไปนั้นเป็นเงินก้อนใหญ่มาก และเธอไม่รู้สึกเสียดาย เพราะเห็นว่าบ้านเรือนประชาชนพังเสียหาย และเชื่อว่าถ้าสามารถจัดการน้ำอย่างเป็นระบบได้ การเยียวยาเหล่านี้ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากเท่าเดิม แต่จะเป็นการแก้ปัญหาระยะยาว
โดยได้หารือกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำระยะยาว ตอนนี้ประเทศไทยมีน้ำเพียงพอสำหรับอุตสาหกรรม EEC และการลงทุนต่าง ๆ และย้ำว่าต้องมีการวางแผนให้เป็นระบบใหญ่ ซึ่งต้องเริ่มทำอย่างจริงจังและรวดเร็ว หลายพื้นที่ได้มีการศึกษาและวางแผนเรื่องนี้อย่างเป็นระบบแล้ว แต่ยังไม่ได้ทำต่อเนื่อง
เหตุการณ์ไม่คาดฝันและการรับมือ
ในปีที่ผ่านมามีเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก แต่กลับมาเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เธอเข้ามาทำงาน เช่น ไฟไหม้รถบัสที่มีเด็ก ๆ อยู่บนรถ เหตุการณ์นี้กระทบกระเทือนจิตใจมาก เพราะแม้จะเตรียมใจรับมือกับวิกฤตต่าง ๆ มาหลายเรื่อง แต่เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องที่รุนแรง หลังจากนั้นก็มีแผ่นดินไหว ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นอกจากนี้ยังมีเรื่องของภาษีทรัมป์และปัญหาชายแดน ซึ่งมีหลายประเด็นถาโถมเข้ามา
เธอมองว่าปีที่ผ่านมาเป็นปีที่เธอได้ใช้พลังความสามารถทั้งของตัวเองและทีมงานอย่างเต็มที่ในการแก้ไขปัญหาและพาประชาชนผ่านวิกฤตต่าง ๆ ไปได้ หลายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้น เช่น แผ่นดินไหว ก็มีการเตรียมการที่ดีขึ้น มีการประสานงานกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และมีการใช้ Cell Broadcast เพื่อแจ้งเตือนประชาชนได้อย่างทันท่วงที เธอได้วางระบบใหม่ทั้งหมดว่าถ้าเกิดเหตุซ้ำ จะต้องถูกแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว
“มีหลายประเด็นมากที่ถาโถมเข้ามา นับเป็นปีที่ได้ใช้พลังความสามารถทั้งตัวเอง และทีมงานอย่างเต็มที่ในการแก้ไขปัญหาพาประชาชนผ่านวิกฤตต่าง ๆ หลายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้น” น.ส.แพทองธาร กล่าว
นโยบายที่ต้องการทำต่อ : 20 บาทตลอดสายและบ้านเพื่อคนไทย
น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า เรื่องที่เธอเสียดายและอยากทำต่อเนื่องมากที่สุด คือ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย รวมถึงเรื่องที่อยู่อาศัยที่ทุกคนควรจะได้อยู่ในที่ที่ดีและมีกำลังใจในการทำงาน ที่อยู่อาศัยที่ดีต้องมาพร้อมกับราคาที่ประชาชนจ่ายไหว ไม่ใช่รู้สึกว่าเป็นภาระที่มากเกินไป เธอเชื่อว่าถ้าทำสิ่งเหล่านี้ได้ ประชาชนจะตื่นมาสดใสไปทำงาน และเป็นพลังสำคัญให้กับประเทศ เธอเสียดายที่เรื่องนี้ยังไม่ได้ทำต่อ แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล จะทำสิ่งเหล่านี้ต่อแน่นอน
ระบบการศึกษาและโอกาส
ส่วนระบบการศึกษาเป็นเรื่องที่เธอเห็นว่าสำคัญ ประเทศเพื่อนบ้านก้าวหน้าไปมากในสมัยรัฐบาลไทยรักไทย เคยมีการให้ทุนการศึกษาเธอได้รื้อฟื้นดูว่าตอนนั้นทำอะไรไปบ้าง และมีคนได้ประโยชน์มากน้อยแค่ไหน เธอรู้สึกมีแพสชั่นกับเรื่องนี้มาก เพราะเชื่อว่าถ้าเด็ก ๆ ได้รับโอกาส ทั้งเรื่องการศึกษา การเห็นโลก และการมองมุมใหม่ ๆ จะทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ โอกาส และแรงบันดาลใจ เธอเชื่อว่าถ้าทำได้ เด็กเหล่านั้นจะเป็นอนาคตของชาติที่มีคุณภาพ มีวิสัยทัศน์ และกล้าคิดสร้างสรรค์ จึงเป็นที่มาของนโยบาย O-DOSS ที่เปิดโอกาสให้เด็กเก่งได้มีทุนไปเรียน และเด็กที่มีความคิดสร้างสรรค์ได้ไป Summer Camp ที่ต่างประเทศ
เศรษฐกิจและการลงทุน
อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า เศรษฐกิจที่แย่มานานกว่า 10 ปี จำเป็นต้องมาทำรากฐานใหม่ทั้งหมด ต้องเข้าไปแก้ปัญหาว่าอะไรคือจุดของปัญหา ซึ่งมีทั้งปัญหาของโลก ปัญหาภายในประเทศ และปัญหาของระบบราชการและกระบวนการทำงานทั้งหมด โดยเธอระบุว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามามากที่สุดเป็นจำนวน 1 ล้านล้านบาท ทั้งการสร้าง Data Center และการลงทุนอื่น ๆ ที่สำคัญคือการลงทุนจากภาครัฐก็มีการกระตุ้นเงินเข้าสู่ระบบถึง 70% ซึ่งไม่เคยสูงขนาดนี้มาก่อน ซึ่งในระหว่างการดำรงตำแหน่งนายกฯ ได้เรียกทุกกระทรวงมาหารือกัน และเน้นย้ำว่าเงินงบประมาณที่อนุมัติไป จะต้องลงเข้าสู่ระบบและเกิดการจ้างงานยกตัวอย่าง เช่น หากอนุมัติงบประมาณสร้างถนน ก็ต้องเกิดการจ้างงานทันที
การลงทุนจากต่างประเทศ เช่น Data Center, EV, Semiconductor มีหลายบริษัทเข้ามาลงทุนแล้ว ที่สำคัญคือโครงการ Land Bridge ซึ่งหาผู้ลงทุนได้เรียบร้อยแล้ว และกำลังอยู่ในขั้นตอนการเซ็นสัญญา เชื่อว่าหาก Land Bridge เกิดขึ้นจริง การไหลเวียนของเศรษฐกิจจะเข้ามาในประเทศอย่างไม่จำกัด เธอระบุว่าในหนึ่งปีที่เธอและนายเศรษฐาได้ทำงาน เงินได้ลงเข้าสู่ระบบไปมากแล้ว เชื่อว่าเศรษฐกิจกำลังจะดีขึ้น ทุกคนที่ทำมาค้าขายก็จะดีขึ้นแน่นอน และอยากเห็นประเทศก้าวต่อไปอย่างแข็งแรง
การกระตุ้นการท่องเที่ยว
ประเทศไทยเป็นประเทศที่ทุกคนอยากมาเที่ยว และต้องมาให้ได้สักครั้งในชีวิต เพราะมีทะเลสวย คนน่ารัก ใจดี มองไปข้างหน้า 10-30 ปี ว่าการท่องเที่ยวจะเป็นอย่างไรต่อไป ซึ่งรัฐบาลของนายเศรษฐาได้สานต่อเรื่องนี้มาโดยตลอด เช่น การจัด F1 และ Tomorrowland เธอต้องการหาการท่องเที่ยวที่เป็น Man-made Destination เข้ามาในประเทศให้มากขึ้น ยกตัวอย่างสิงคโปร์ ที่สมัยก่อนรู้สึกว่าฮ่องกงน่าสนใจกว่า แต่ทุกวันนี้สิงคโปร์มี Entertainment Complex ที่มีกาสิโนขนาดใหญ่ ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวให้พักอยู่นานขึ้น
เธอเชื่อว่าประเทศไทยก็ควรจะมีสิ่งเหล่านี้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวอยู่ Long Stay มากขึ้น โรงแรมต่าง ๆ ก็อยากให้นักท่องเที่ยวอยู่นาน เพื่อให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย การซื้อของ ซื้ออาหาร การทำธุรกิจต่าง ๆ จะต่อเนื่องเป็นระบบ หากมี F1 เข้ามา นักท่องเที่ยวก็ต้องมาเตรียมงาน มีเวลา Setup นานเป็นเดือน มีการขายของต่าง ๆ มีการโปรโมต ดาราดังมาพัก โรงแรมถูกจองเต็ม สิ่งเหล่านี้คือ Flow เศรษฐกิจที่จะหลั่งไหลเข้ามา เธอต้องการสานต่อเรื่องนี้ และเชื่อมั่นว่า Man-made Destination จะช่วย Refresh และทำให้ประเทศไทยมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะมากี่ครั้งก็สามารถหาความสนุกได้ทุกที่ในประเทศไทย
สาธารณสุขและ 30 บาทรักษาทุกที่
โครงการสาธารณสุข 30 บาทรักษาทุกโรค เป็นนโยบายที่พรรคไทยรักไทยเคยทำ เธอเชื่อว่าแม้จะมีคนบอกว่าจะเคลมเรื่องนี้ไม่เลิก แต่ทุกวันนี้ก็ยังใช้กันอยู่ อย่างไรก็ตาม หลังจาก 20 ปีผ่านไป นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคก็ต้องได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่ เธอจึงได้ทำนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ สาเหตุคือ ค่าจ้าง ค่าแรง ของคนแต่ละวันมีความหมาย พวกเขาต้องเสียเวลาทั้งวันไปนั่งรอต่อคิวที่โรงพยาบาลโดยไม่รู้ว่าจะได้รับการรักษาเมื่อไหร่ การรักษาแบบเดิมเป็นเรื่องที่ยากลำบาก ดังนั้น 30 บาทรักษาทุกที่จึงช่วยให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ในทุกพื้นที่ให้มากที่สุด
Soft Power และการสร้างแรงบันดาลใจ
เธอได้ทำงานเรื่อง Cash Rebate สำหรับภาพยนตร์และเพลง เพื่อดึงดูดทีมงานต่างชาติให้เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย สิ่งนี้ช่วยประหยัดต้นทุนให้กับผู้สร้าง และยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ที่มีการถ่ายทำ นอกจากนี้ยังได้มีการพูดคุยเพื่อให้คนไทยได้รับ Cash Rebate ด้วย เธอเน้นย้ำว่าคนทำงานในวงการภาพยนตร์ เพลง และอุตสาหกรรม Soft Power อื่น ๆ เป็นแรงผลักดันสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนและเกิดการจ้างงานอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่ผู้ประกอบการรายใหญ่ แต่รวมถึงการจ้างงานรายย่อยด้วย
เธอต้องการให้คนที่มีความคิดสร้างสรรค์มีกำลังใจและรู้สึกว่ารัฐบาลสนับสนุนพวกเขา เหมือนกับเกาหลีที่ประสบความสำเร็จจากการสนับสนุนอุตสาหกรรมบันเทิง โดยมีเป้าหมายที่จะวางแผนให้ละเอียดและแข็งแกร่ง เพื่อให้อุตสาหกรรมเหล่านี้เติบโตอย่างยั่งยืน
จัดการปัญหาคอลเซ็นเตอร์และยาเสพติด
น.ส.แพทองธาร ระบุว่า เธอให้ความสำคัญอย่างมากกับปัญหา Online Scam และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพราะได้รับการบอกเล่าจากตำรวจและความมั่นคงว่าประชาชนได้รับผลกระทบอย่างหนัก สูญสิ้นเงินทองและทรัพย์สิน ซึ่งบางคนคือเงินเก็บทั้งชีวิต และยอมรับว่าตนเองก็เคยโดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก โดยแอบอ้างเป็นประธานาธิบดีทรัมป์และนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เธอจึงตั้งใจมากที่จะปราบปรามเรื่องนี้ให้สำเร็จ และก็สำเร็จจริง โดยได้รับความร่วมมือจากประเทศเมียนมาเป็นอย่างดี ทั่วโลกต่างชื่นชมการทำงานของไทยในเรื่องนี้
“ส่งมาเป็นเสียงด้วยไม่ใช่พิมพ์ธรรมดา เป็นเพรสซิเดนต์ทรัมป์พูดเหมือนเลย แต่ถ้าเราฟังดี ๆ เป็นโรบอตนิดหนึ่ง แต่เป็นเสียงของทรัมป์เลย ซึ่งการหลอกใช้แบบนี้มันเยอะมาก เพราะฉะนั้นยังรู้สึกดิฉันเองยังโดนหลอก แล้วชาวบ้านตาดำ ๆ ที่ไม่รู้มีคนหลอกมาโอนเงินให้ลูกหลานก็เป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขา จึงตั้งใจมากว่าต้องปราบให้สำเร็จ และสำเร็จจริง ๆ เพราะเราร่วมมือกับทางเมียนมาที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี กลับมาอีกด้านหนึ่งเหตุการณ์มากมายทราบดี อีกประเทศไม่ต้องการให้ปราบสแกมเมอร์ เพราะมีผลกระทบบางอย่างอยู่แล้ว ทั่วโลกเมื่อรู้ว่าเราปราบสแกมเมอร์แล้วไปหาสี จิ้นผิง ชมเลย แล้วบอกดีมาก ๆ ที่ยูทำแบบนี้”
น.ส.แพทองธาร ยังกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีเรื่องยาเสพติด ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจจากสมัยที่นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ที่สามารถปราบปรามยาเสพติดและนำผู้ติดยากลับคืนสู่ครอบครัวได้อย่างแท้จริง ตอนที่เธอได้ไปดูกระทรวงยุติธรรม พบว่าจำนวนยาเสพติดที่จับได้ในวันเดียวนั้น เทียบเท่ากับการผลิตทั้งปีเมื่อ 20 ปีที่แล้วสมัยทักษิณ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการผลิตยาเสพติดสูงขึ้นมาก ตอนนี้สามารถลดจำนวนลงไปได้มากแล้ว เธอต้องการทำเรื่องสถานบำบัดต่อไป เพราะอยากให้ผู้ติดยามีโอกาสกลับคืนสู่สังคม และไม่ว่าใครก็อยากได้โอกาสเสมอ
บทเรียนจากการบริหารงานภาคเอกชนและการทำงานเป็นทีม
จากการเคยเป็นผู้บริหารภาคเอกชน เธอจะรู้ต้นทุนสุดท้ายของทุกโครงการ เธอชอบเรียกทีมงานมาคุยเป็นแผนก ๆ ไป ลงพื้นที่จริง ดูของจริง เพื่อให้ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุม เธอจะรู้ว่างานทั้งหมดจะใช้งบประมาณเท่าไหร่ และรับผิดชอบแค่ไหน แต่การบริหารประเทศนั้นแตกต่างออกไป เพราะเรื่องราวมีขนาดใหญ่และซับซ้อนกว่ามาก ทุกฝ่ายต้องเข้ามาทำงานร่วมกัน และต้องอาศัยความพึ่งพาจากทั้งภาครัฐและผู้คนในตำแหน่งต่าง ๆ
เธอพยายามผลักดันเรื่อง One Stop Service เพื่อให้ประชาชนไม่ต้องวิ่งไปหลายหน่วยงาน การทำงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็เช่นกัน ต้องพูดคุยกับคนจำนวนมาก และต้องมองเห็นภาพรวมของต้นทุนที่จะเกิดขึ้น ทุกวันมีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้น และต้องเรียกทีมงานมาคุยเพื่อประเมินสถานการณ์
แนวคิดและหลักการทำงาน
เธอเป็นคน Gen Y ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงที่เกิดใน Gen ของตนเองได้ แต่สามารถปรับ Mindset และความเข้าใจผู้อื่นได้ แม้จะอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญ แต่เธอไม่เคยลืมความนอบน้อม การสวัสดีผู้ที่อายุมากกว่าเป็นเรื่องง่ายสำหรับเธอ เธอเชื่อว่าผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่ใช่ผู้วิเศษ แต่เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มาพร้อมกับตำแหน่งนี้ และต้องเข้าใจบทบาทของตนเอง ทุกคนล้วนเป็นมนุษย์ที่ต้องการความเห็นใจ โอกาส และปัจจัย 4 เธอต้องการทำงานอย่างมั่นคง หนักแน่น และมีเป้าหมายชัดเจนว่าคือการทำให้ประเทศชาติและประชาชนกินดีอยู่ดีขึ้น เธอเชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นคน Gen ไหน หากเปิดใจให้กว้างและทำความเข้าใจทุกคนในสังคม ก็จะช่วยให้การทำงานในทุกตำแหน่งประสบความสำเร็จ
DNA ของพรรคเพื่อไทย
เธอเติบโตมากับพรรคเพื่อไทย และเห็นความตั้งใจ ความมุ่งมั่น และการเปลี่ยนแปลงของทั้งผู้ก่อตั้ง คนในพรรค และนายกรัฐมนตรีท่านอื่น ๆ DNA ของพรรคคือการคิดถึงเรื่องปากท้องของประชาชน สส.ของพรรคจะทำหน้าที่เป็น Feedback ที่ดีจากประชาชน โดยจะนำปัญหาและความต้องการที่แท้จริงของชาวบ้านที่ไม่ได้ปรากฏใน SocialMedia มาบอกกล่าว เธอจะจดบันทึกทุกข้อมูลเพื่อนำไปแก้ไขปัญหา DNA ของพรรคเพื่อไทยคือการยึดโยงกับประชาชน ให้ความสำคัญกับประชาชน และ สส. กล้าที่จะบอกกล่าวหัวหน้าพรรคหากประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรม
ความมุ่งมั่นและอนาคต
แม้ในช่วงเวลาที่การเมืองเปลี่ยนแปลงไปมาก เธอเคยท้อใจบ้าง แต่ก็มีกำลังใจอย่างมากจากผู้คนที่ยังเชื่อมั่นในพรรคเพื่อไทย ว่าพรรคยึดโยงกับประชาชน และยังยึดโยงในเรื่องของนโยบายและการทำให้ปากท้องประชาชนดีขึ้น เธอเข้าใจว่าการเป็นรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขทุกอย่างได้ภายใน 2-3 เดือน ในปีที่เธอได้ทำงาน เธอรู้สึกว่าได้วางรากฐานหลายอย่างให้กับอนาคตของประเทศ ตัวเลขจากหน่วยงานราชการแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจมีการขยับขึ้นอย่างก้าวกระโดด อาจจะยังไม่รู้สึกไปถึงทุกหย่อมหญ้า แต่กำลังมา
“ดิฉันเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าถ้าพรรคเพื่อไทยได้กลับมามีโอกาสทำงานอีก ถึงแม้ตัวดิฉันเองจะไม่ได้เป็นนายกฯ แต่ DNA นี้ ยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย การที่จะให้พี่น้องประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด การวางรากฐานเพื่อลูกหลานในอนาคต นั่นคือสิ่งที่อยู่ในใจของพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่ 20 กว่าปีที่แล้วจนถึงอนาคตพรรคของเรายังมี DNA ที่มั่นคงว่าการทำเพื่อประชาชนคือสิ่งที่สำคัญที่สุด” น.ส.แพทองธาร กล่าว