ข่าวประจำวัน » ศาลไม่รับคำร้อง !! MOA อนุทิน-เท้ง ไม่เข้าข่ายล้มการปกครอง หลังองค์กรอิสระยังไม่ฟ้องขัดรธน.

ศาลไม่รับคำร้อง !! MOA อนุทิน-เท้ง ไม่เข้าข่ายล้มการปกครอง หลังองค์กรอิสระยังไม่ฟ้องขัดรธน.

3 November 2025
26   0

วันที่ 3 พ.ย.2568 ศาลรัฐธรรมนูญประชุมปรึกษาคดีที่น่าสนใจ เกี่ยวกับกรณีการจัดทำบันทึกข้อตกลง (MOA) ระหว่างนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รวม 2 คำร้อง ประกอบด้วย

คำร้องที่นายคงเดชา ชัยรัตน์ (ผู้ร้อง) ยื่นคำร้องกล่าวอ้างว่า นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร (ผู้ถูกร้องที่ 2) และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาชน จำนวน 143 คน (ผู้ถูกร้องที่ 3) กระทำการตกลงกันเพื่อแบ่งปันอำนาจอธิปไตย

ด้วยการบิดเบือนอำนาจบริหารในบางเรื่องที่ควรจะเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็นองค์กรฝ่ายบริหาร ให้มาเป็นอำนาจแฝงของพรรคการเมืองฝ่ายค้านและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคการเมืองนั้น

ซึ่งเป็นการทำลายกลไกของระบอบประชาธิปไตย ทำให้ขาดความเข้มแข็งในการถ่วงดุลอำนาจในการปกครองประเทศ ส่งผลให้สัมพันธภาพระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติกับฝ่ายบริหารขาดความเหมาะสม เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานของ รัฐธรรมนูญ โดยพรรคประชาชน (ผู้ถูกร้องที่ 1) เสนอยกคะแนนเสียงสมาชิกสภาผู้แทนพรรคประชาชนให้กับพรรคการเมืองใดที่สามารถนำนโยบายของผู้ถูกร้องที่ 1 ไปดำเนินการเมื่อพรรคการเมืองนั้นได้เป็นรัฐบาล คือ ให้มีการยุบสภาผู้แทนราษฎรภายใน 4 เดือน นับแต่วันที่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา และจัดให้มีการออกเสียงประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ นำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้ง

ต่อมาผู้ถูกร้องที่ 2 และนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOA) และในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อลงคะแนนเสียงเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้องที่ 3 ได้ดำเนินการตามบันทึกข้อตกลง (MOA) โดยลงคะแนนเสียงเห็นชอบเพื่อให้นายอนุทินดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยผู้ถูกร้องทั้งสามจะปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายค้าน

ผู้ร้องยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดและสำนักงานอัยการสูงสุดมีหนังสือแจ้งว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสามยังไม่เข้าข่ายเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ดังนั้น กรณีจึงไม่มีเหตุที่อัยการสูงสุดจะพิจารณาดำเนินการส่งเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อโปรดวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคสอง อัยการสูงสุดจึงมีคำสั่งไม่รับดำเนินการตามที่ร้องขอ

โดยผลการพิจารณาศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยอภิปรายแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้อง คำร้องเพิ่มเติมประกอบ เมื่อบันทึกข้อตกลง (MOA) ระหว่างนายณัฐพงษ์กับนายอนุทิน เป็นการเจรจาหรือการประกาศเจตจำนงทางการเมืองร่วมกัน ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานอื่นที่ชัดเจนเพียงพอที่แสดงให้เห็นได้ว่าผู้ถูกร้องทั้งสามกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง กรณีไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย

นอกจากนี้ ศาลรัฐธรรมนูญยังได้พิจารณาคำร้องที่นายอัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล (ผู้ร้อง) ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 กล่าวอ้างว่า การจัดทำบันทึกข้อตกลง (MOA) ระหว่างนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (ผู้ถูกร้องที่ 1) ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชน (ผู้ถูกร้องที่ 2) กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล (ผู้ถูกร้องที่ 3) ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ผู้ถูกร้องที่ 4) โดยตกลงให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสังกัดพรรคผู้ถูกร้องที่ 2 พิจารณาให้ความเห็นชอบผู้ถูกร้องที่ 3 เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นการได้มาซึ่งอำนาจฝ่ายบริหารที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ โดยอาศัยมติพรรคการเมืองยินยอมให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตกอยู่ภายใต้ข้อผูกมัดแห่งอาณัติ มอบหมาย หรือความครอบงำใด ๆ โดยมีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันไว้ล่วงหน้า

อันมีลักษณะที่เป็นการก้าวก่ายหรือ แทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น หรือของพรรคการเมือง ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 114 และมาตรา 185 การกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสี่เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ผู้ร้องยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดเพื่อร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าวแล้ว แต่อัยการสูงสุดไม่ดำเนินการภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอ ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49

โดยผลการพิจารณาศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบ เมื่อบันทึกข้อตกลง (MOA) ระหว่างผู้ถูกร้องที่ 1 กับผู้ถูกร้องที่ 3 เป็นการเจรจาหรือการประกาศเจตจำนงทางการเมืองร่วมกัน ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานที่ชัดเจนเพียงพอที่แสดงให้เห็นได้ว่า ผู้ถูกร้องทั้งสี่กระทำการอื่นใดอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง กรณีไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย

่านข่าวต้นฉบับได้ที่ https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87/260671?utm_source=facebook&utm_medium=comment_link&utm_campaign=260671&fbclid=IwVERDUAN1ZbhleHRuA2FlbQIxMQABHjid9IcPU7BJYyiCpmYV46TsxZ5a1w4SxASykR82T82pLeyQjO7vXV_bu50F_aem_-NY9hS1jgl9s6y9N_hQDzA