.
ข้อเท็จจริงชายชุดดำและอาวุธสงคราม 10เมย-พค2553
.
ขออธิบายสรุปตามที่ได้ตรวจสอบและรับทราบรายงานในเหตุการณ์จริงบางส่วน
ดังนี้ครับ
.
1)อาวุธสงครามที่ชายชุดดำใช้ในเหตุการณ์10เมย53 และเหตุการณ์ต่อเนื่องจนถึงการสลายการชุมนุม พค 2553 ได้ มาจาก 2 แหล่ง คือ
.
1.1นักการเมืองระดับชาติภาคเหนือ นาย ยย และนาย ส นักการเมืองท้องถิ่นภาคตะวันออกจัดหาและซื้อจากชายแดนฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก ได้แก่ RPG M79 AK47 M16 พร้อมกระสุน
.
1.2 กลุ่มมวลชนเสื้อแดงที่เข้าปล้นจากรถทหารที่เชิงสะพานพระปิ่นเกล้าฝั่งธนขาเข้า เมื่อ17.00น ของวันที่10เมย2553 เป็นอาวุธสงครามปืนM16 travo 21 จำนวน12กระบอก พร้อมกระสุนจริง ปืนลูกซอง 35กระบอก พร้อมกระสุนยางฯลฯ ใบแจ้งความไว้ที่สน.บางยี่ขัน เมื่อ15เมย53 (ตามเอกสารใบแจ้งความ)
.
อาวุธปืนบางส่วนน่าจะถูกนำไปใช้ร่วมในการโจมตีต่อเจ้าหน้าที่รัฐและฝ่ายที่เห็นต่าง
.
ในหลายเหตุการณ์ อาทิ
:การยิง M79 จำนวน10นัด การใช้ปืนสงคราม M16 AK47 ยิงใส่ทหารบริเวณถนนตะนาว ถนนข้าวสาร ทำให้ พลเอก ชิษณุพงศ์ รอดศิริ ผู้ช่วยผบทบ ปัจจุบัน และทหารได้รับบาดเจ็บจำนวมาก
.
:การขว้างระเบิดM67 จำนวน2ลูกสังหารพลเอกร่มเกล้า ธุวธรรมและทหารคุ้มกันเสียชีวิตรวม3ราย ที่หน้ารรสตรีวิทยา โดย พลเอกวลิต โรจนภักดีบาดเจ็บสาหัส พลเอกธรมนูญ วิถี บาดเจ็บ พร้อมทหารอีกจำนวมาก
.
:การใช้เครื่องยิง M79 ตามจุดต่างๆเช่น กรม1รอ ถนนวิภาวดี ยิงใส่รร ดุสิตธานี สถานีรถไฟฟ้าถนนสีลม มีตำรวจและประชาชนเสียชีวิต การยิง M79ที่ถนนราชดำริทำให้เด็กเสียชีวิต การยิงปะทะทหารด้วยอาวุธสงครามที่สวนลุมพินี การใช้ระเบิดc4 ต่อชนวนถังแก้สที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ย่านประตูน้ำ ฯลฯ
.
อีก2ปีต่อมาเมื่อ 26 พย2555 พบว่า มีการนำปืนM16travo21 จำนวน10 กระบอกไปทิ้งไว้ที่ข้างถนน อำเภอ ท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ที่เหลือยังสูญหาย
.
โดยสรุป ไม่พบว่ามีรายงานเกี่ยวกับการส่งอาวุธสงคราม2ตู้คอนเทนเนอร์มาจากฮุนเซนตามที่สมศักดิ์ เจียมอ้าง
.
2)ประเทศกัมพูชาเป็นที่ฝึกอาวุธให้กับชายชุดดำ 39 คน จริง
.
โดยมีรายงานที่บันทึกการสอบสวนผู้ที่ถูกจับกุมได้ ระบุถึงการเดินทางไปฝึกที่ กพช.ดังนี้
“ผู้ถูกซักถามอ้างว่า ตนเองออกจากพื้นที่การชุมนุมเมื่อ ๑๕ พ.ค.๕๓
ภายหลังที่พล.ต.ขัตติยะฯ ถูกยิงตนจึงหลบหนีไปอยู่ จ.เชียงใหม่กับ นายเด่น ฯ
(๑ ใน ๑๑ นักรบแดงที่ผ่านการฝึกจาก กพช. ซึ่งถูกจับกุมที่ จ.เชียงใหม่)
.
จากนั้นถูกชักชวนให้ไปฝึกที่ กพช. จึงเดินทางไปพบ นางสายใจ ฯ(หมวย) ที่บริเวณใกล้กับด่านข้ามแดนช่องจอม จ.สุรินทร์ ได้เช่าบ้านพัก ๑-๒ วันจึงมี จนท.ตม. ของ กพช.ชื่อ
นายเยื้อน พาข้ามแดน แล้วจึงไปอาศัยบ้านของ จนท.ตม. คนดังกล่าว ซึ่งอยู่ใกล้กับด่านข้ามแดนอาศัยอยู่ประมาณ ๑๐ วัน
จากนั้นจึงเดินทางไปยังค่ายฝึกโดยมีผู้เข้าร่วมการฝึกจำนวน ๓๙ คน
ผู้ถูกซักถามยืนยันว่ารู้จักกับกลุ่ม ๑๑ นักรบแดงซึ่งถูกจับกุมที่ จ.เชียงใหม่
(รายละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย)
.
โดยในการฝึกจะมีการให้ทดลองยิงอาวุธสงครามอาทิ ปลย.AK ๔๗, ปก. ไม่ทราบชนิด, RPG และ M ๗๙ แต่จะไม่ได้ยิงทุกคน หากใครมีฝีมือจะคัดไว้เป็นมือยิงสไนเปอร์ (ไม่ได้ระบุรายละเอียดแน่ชัด)
ทั้งนี้การฝึกทั้งหมด จะมี จนท.ทหาร กพช. เป็นผู้ฝึกให้โดยมีล่ามพูดภาษาไทยได้ จาก
จ.ตาแก้ว ประเทศ กพช. เป็นผู้แปล
เมื่อจบการฝึก จึงปล่อยกลับประเทศไทย ซึ่งทุกคนจะได้รับรหัสประจำตัว
.
โดย นายมงคลฯได้รับรหัสประจำตัว คือ SP ๔๓ ทั้งนี้ในส่วนของบุคคลที่มีหมายจับ ประกอบด้วย นายมงคล, อ้วน, บังมัด และ นิค จะยังคงอยู่ที่ กพช. ต่อไป มิได้กลับเข้าประเทศไทย
3.กัมพูชา เป็นที่หลบซ่อนพักพิงของชายชุดดำและขบวนการคนเสื้อแดงหนีคดีจากไทย
”ผู้ถูกซักถามระบุว่าภายหลังจบการฝึก ได้มี จนท.ทหาร กพช. พาเดินทางไปยัง จ.เสียมเรียบ เข้าพักในบ้านหลังหนึ่งมีลักษณะคล้ายโรงแรมเก่ามีร้านอาหารติดบ้านหลังดังกล่าว ซึผู้ถูกซักถามมาทราบภายหลังว่าเป็นบ้านของนางกัญญาภัคฯ (ดีเจอ้อม) พักอาศัยอยู่ประมาณ ๑๐ วัน จึงมี จนท.ทหาร กพช. พาเดินทางไปยังย่านสุเพรียะมงกล กรุงพนมเปญ ประเทศ กพช. (ข้ามสะพานจรวยจองวา ทางทิศตะวันออกของกรุงพนมเปญ) อาศัยในบ้านสามชั้นล้อมรอบด้วยกำแพงสังกะสีสูง ๒ เมตร
.
โดยผู้ร่วมพักอาศัยประกอบด้วย นายอริสมันต์ฯ, ผู้ถูกซักถาม, นายอ้วน, นายนิค
และ บังมัด พักอยู่ได้ห้วงเวลาหนึ่ง (ไม่สามารถระบุเวลาที่แน่ชัด) ก็เดินทางไปจ.กัมปงจาม โดยผู้ร่วมพักอาศัยประกอบด้วย ผู้ถูกซักถาม, นายอ้วน และ นายนิค ส่วน นายอริสมันต์ฯ และ บังมัด ได้แยกออกไปพักที่อื่น ภายหลังจากพักได้ประมาณ ๑ สัปดาห์ ก็เดินทางกลับมายังย่านสุเพรียะมงกล อีกครั้ง และพักที่บ้านหลังเดิมจนถึงเดือน ก.พ.๕๔ โดยในระหว่างที่พักอาศัยได้พบกับ นายอริสมันต์ฯ, ส.จ.สำเริงฯ และ พ.ต.ท.เสงี่ยม ฯ ซึ่งทั้งหมดเป็นแกนนำระดับฮาร์ดคอร์
นอกจากนี้ยังได้พบ นายธนเดชฯ(ไก่ แก๊งค์รถตู้) ในงานเลี้ยงอีกด้วย โดย นายธนเดชฯ มีท่าทางสนิทสนมกับ นายสุภรณ์ฯ และพักอยู่กับ นายจรัล ฯ และ นายชินวัฒน์ฯ
ทั้งนี้ภายหลังจากที่พักในกรุงพนมเปญก็มี จนท.ทหาร กพช. พาผู้ถูกซักถามไปพัก ที่ จ.ตาแก้ว ประเทศ กพช. ติดกับชายแดนประเทศเวียดนาม เพียงคนเดียว
.
4.กัมพูชา มีส่วนสำคัญมากในการสนับสนุน นายทักษิณ และบริวาร ตลอดระยะเวลา ที่มีความขัดแย้งในประเทศไทย ตั้งแต่2549 จนถึงปัจจุบัน มีข้อมูลข่าวและหลักฐานมากมาย ทั้งความสัมพันธ์กันระหว่างครอบครัว ธุรกิจ การใช้เป็นสถานที่จัดชุมนุมทางการเมืองนอกประเทศ หรือใช้เป็นที่หลบหนีของ ยิ่งลักษณ์ จักรภพ อริสมันต์ จารุพงศ์ ฯลฯ และคนในขบวนการจำนวนมาก รวมถึงผู้ต้องหาคดี 112 ในอดีตเกือบทุกคนจะได้รับการช่วยเหลือให้หนีออกไปลี้ภัยอยู่ที่กัมพูชาก่อนถูกส่งตัวไปประเทศอื่น เช่น จรัลฯ สุรชัยฯ ฯลฯ
ส่วนการแตกคอทะเลาะกันของฮุนเซนกับทักษิณจะจริงจังแค่ไหน จะจบลงอย่างไร จะเป็นของจริวหรือแค่จัดฉาก คงต้องติดตามกันต่อไป แต่สิ่งสำคัญคือ การรับรู้และตรวจสอบข้อมูลข่าวกรองที่ถูกต้องของฝ่ายความมั่นคงและกองทัพ ที่ต้องแม่นยำชัดเจน สื่อสารให้ประชาชนไทยได้ทราบอย่างถูกต้องตามสมควร เพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือขยายความขัดแย้งในปัญหาพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ที่นับวันจะระอุมากขึ้นครับ
.
ดร สมชาย แสวงการ
อดีตประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ วุฒิสภา
อดีตประธานคณะตรวจสอบเหตุการณ์ 10เมย2553
21กค 2568
หมายเหตุ
1)แนบคลิปวิดีโอต่างๆบางส่วนมาด้วย
2)ข้อมูลดังกล่าวนี้ไม่รวมถึงการใช้กองกำลังชายชุดดำและอาวุธสงครามต่อเหตุการณ์ การชุมนุมของกปปส ในปี2557 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตอีกกว่า20คน และไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนการลอบยิงคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ที่อ้างถึง
3)หากมีการเสนอข้อมูลที่อาจไม่ตรงตามข้อเท็จจริง จะอธิบายนำเสนอให้ทราบต่อไป
.