ข่าวประจำวัน » คุกเข้าสัวประชัย !! ปธ.ทีพีไอ 8 ปี ร่วมจนท.ออกเอกสารที่ดินปลอมสระบุรี

คุกเข้าสัวประชัย !! ปธ.ทีพีไอ 8 ปี ร่วมจนท.ออกเอกสารที่ดินปลอมสระบุรี

20 August 2025
17   0

ศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิพากษาลงโทษ จำคุก 8 ปี ‘ประชัย เลี่ยวไพรัตน์’ ปธ. ทีพีไอ คดีออกเอกสารสิทธิ์ปลอมที่ดินสระบุรีเอื้อประโยชน์ ในฐานะผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำผิด- หลัง อสส.ชี้ขาดสั่งฟ้องต้นปี 2567 พร้อมอดีต จนท.รังวัดที่ดิน-พวก คุมตัวเข้ารือนจำ รอคำสั่งประกันตัวชั้นอุทธรณ์ เผยพฤติการณ์มีจ่ายเงินค่าตอบแทนหลักล้าน


สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 พิพากษาลงโทษจำคุก 8 ปี นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด โดยไม่รอลงอาญา ในฐานะผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่กระทำความผิดกรณีออกเอกสารสิทธิ์จำนวนหลายแปลงไม่ชอบด้วยกฎหมาย 

เบื้องต้น จำเลยยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นเห็นควรส่งให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ก่อนที่จะมีการควบคุมตัวจำเลย ไปคุมขังยังเรือนจำเพื่อรอคำสั่ง ใช้เวลาประมาณ 1 – 2 วัน

หลังจาก อัยการสูงสุดมีคำสั่งชี้ขาดให้ฟ้องนายจรูญศักดิ์ เอกสวัสดิ์เจ้าหน้าที่ตำแหน่งนายช่างรังวัด 6 นายณรงค์พล แก้วสาร ผู้ต้องหาที่ 2 นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ ผู้ต้องหาที่ 4 และบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ผู้ต้องหาที่ 5 คดีออกเอกสารสิทธิ์จำนวนหลายแปลงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ มีหนังสือที่ ตช 0026.(10)/4929 ลงวันที่ 9 ธ.ค. 2565 ถึงสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 1 ส่งสำนวนการสอบสวนคดีอาญาที่ 11/2563 คดีระหว่าง พ.ต.ท. ไสว จันทร์มา ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน ผู้กล่าวหา นายจรูญศักดิ์ เอกสวัสดิ์ ผู้ต้องหาที่ 1 กับพวกรวม 5 คน

ทางไต่สวนได้ความว่า ขณะเกิดเหตุนายจรูญศักดิ์ เอกสวัสดิ์ นายช่างรังวัด 6 สำนักงานมาตรฐานการออกหนังสือสำคัญ กรมที่ดิน ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินจังหวัดสระบุรี-ลพบุรี เมื่อปี 2557 คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ประกอบกิจการของจำเลยที่ 3 พบว่าประกอบกิจการนอกเขตที่ได้รับประทานบัตรในการทำเหมืองแร่จึงดำเนินคดีต่อจำเลยที่ 3 ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 54, 72 ตรี พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 รวม 5 คดี เป็นผลให้ศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยที่ 3 นำเอาหินแร่อุตสาหกรรมชนิดหินปูนและหินดินดานเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์รวมจำนวนหลายสิบล้านเมตริกตันไปถมคืนพื้นที่เดิมที่จำเลยที่ 3 ทำเหมืองแร่โดยมิชอบ หากจำเลยที่ 3 ไม่ดำเนินการให้ชำระค่าเสียหายรวมทั้งสิ้นเป็นเงินหลายพันล้านบาท ในระหว่างการตรวจสอบที่ดินดังกล่าวจำเลยที่ 3

โดยจำเลยที่ 2 กับนายประหยัด เลี่ยวไพรัตน์ มอบอำนาจให้นายไวพจน์ คดบัวและหรือนายสุนทร ดิษยนันท์ เป็นผู้นำส่งเอกสารต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายไวพจน์นำสำเนาโฉนดที่ดินเลขที่ 41339, 41909, 41910, 41918, 41919, 41920, 41925, 41913, 41914, 41917 และ 41926 รวม 11 ฉบับ ซึ่งเป็นพื้นที่ต่อเนื่องเขตประทานบัตรในการทำเหมืองแร่ของจำเลยที่ 3 ส่งมอบให้แก่พนักงานสอบสวน โฉนดทั้ง 11 ฉบับดังกล่าวออกตามนโยบายการแปลงทรัพย์สินเป็นทุนของรัฐบาล ซึ่งนายจักราวุธ นิตยสุทธิ ที่ปรึกษาในการสำรวจที่ดินของจำเลยที่ 3 ได้ขอเบิกเงินค่าใช้จ่ายในการออกโฉนดที่ดินจากจำเลยที่ 2 โดยขั้นตอนในการขอเบิกเมื่อเริ่มดำเนินการขอเบิก 1,500,000 บาท เมื่อเข้ารังวัดขอเบิกอีก 1,500,000 บาท และเมื่อทยอยออกเอกสารสิทธิ์ประมาณการขอเบิกไว้ 6,000,000 บาท จำเลยที่ 2 พิจารณาแล้วอนุมัติให้นายจักราวุธเบิกเงินได้ตามที่เสนอ นายจักราวุธติดต่อประสานงานในการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินให้แก่จำเลยที่ 3 กับจำเลยที่ 1 ได้นำเอารูปแผนที่ที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รังวัดของจำเลยที่ 3 เป็นผู้เขียนส่งมอบให้ นายจรูญศักดิ์เขียนลงในแบบพิมพ์โฉนดที่ดิน

โดยนายจักราวุธตกลงจะให้ค่าใช้จ่ายเบื้องต้น 700,000 บาท ในการทำชุดแรกประมาณ 10 แปลง เมื่อขึ้นรูปแผนที่และลงรายละเอียดในแบบพิมพ์โฉนดที่ดินเสร็จสิ้นแล้วจะให้อีก 500,000 บาท หากสามารถนำคู่ฉบับพร้อมสารบบส่งให้สำนักงานที่ดินจังหวัดสระบุรี สาขาแก่งคอยได้จะให้อีก 3,000,000 บาท

นายจรูญศักดิ์จึงนำเอาแบบพิมพ์โฉนดที่ดินที่ต้องส่งทำลาย มาขูดลบรายละเอียดเดิมออกและ ปลอมลายมือชื่อในช่องผู้เขียน ผู้ทาน ผู้เขียนแผนที่และผู้ตรวจทานแผนที่ในโฉนดที่ดิน นายจรูญศักดิ์ทยอยส่งมอบโฉนดที่ดินและรับเงินจากนายจักราวุธแล้ว จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือ เจ้าของทรัพย์นั้น จำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงมีความผิดฐานร่วมกันใช้เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอมแต่การที่นายไวพจน์อ้างสำเนาโฉนดที่ดินเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2557 รวม 7 ฉบับกับวันที่ 25 กันยายน 2557 อีก 4 ฉบับนั้น เป็นการกระทำโดยมีเจตนาที่จะอ้างสิทธิในการใช้พื้นที่ประกอบกิจการของจำเลยที่ 3 ต่อพนักงานสอบสวนเนื่องจากถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในคดีเดียวกัน จึงเป็นความผิดกรรมเดียว

พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 จำเลยที่ 2 กับที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 266 มาตรา 83 พฤติการณ์แห่งคดีในการกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินซึ่งเป็นทรัพยากรของชาติเพื่อใช้ประโยชน์ในกิจการทำเหมืองแร่ของจำเลยที่ 3 อันเป็นผลประโยชน์ส่วนตน เป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งศาลมีคำพิพากษาในคดีส่วนแพ่งให้จำเลยที่ 3 นำเอาหินแร่อุตสาหกรรม ชนิดหินปูนและหินดินดานเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์รวมจำนวนหลายสิบล้านเมตริกตันไปถมคืนพื้นที่เดิมที่จำเลยที่ 3 ทำเหมืองแร่โดยมิชอบ หากจำเลยที่ 3 ไม่ดำเนินการให้ชำระค่าเสียหายรวมทั้งสิ้นเป็นเงินหลายพันล้านบาท อันเป็นผลสืบเนื่องจากการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจำนวนมาก จึงลงโทษจำเลยที่ 1 จำคุก 8 ปี ลงโทษจำเลยที่ 2 จำคุก 8 ปี และลงโทษจำเลยที่ 3 ปรับ 160,000 บาท ถ้าจำเลยที่ 3 ไม่ชำระค่าปรับให้ดำเนินการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 

คดีดังกล่าวสืบเนื่องจาก นายจรูญศักดิ์ เอกสวัสดิ์ ผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตำแหน่งนายช่างรังวัด 6 สำนักงานมาตรฐานการออกหนังสือสำคัญ กรมที่ดิน ได้ออกเอกสารสิทธิ์จำนวนหลายแปลงไม่ชอบด้วยกฎหมาย (โฉนดปลอม) โดยที่ดินที่ออกเอกสารปลอมดังกล่าวอยู่ใกล้เคียงกับพื้นที่สัมปทานของ นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ผู้ต้องหาที่ 4 และบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ผู้ต้องหาที่ 5 โดยกระทำของผู้ต้องหาที่ 1 ดังกล่าว มีนายณรงค์พล แก้วสาร ผู้ต้องหาที่ 2 กระทำการสนับสนุน และต่อมาผู้ต้องหาที่ 4 และ 5 ได้นำเอกสารปลอมดังกล่าวไปใช้ เป็นเหตุให้รัฐได้รับความเสียหาย และพบมีการจ่ายเงินค่าตอบแทนในการออกโฉนดที่ดินเป็นจำนวนเงินหลักล้านบาท 

เหตุเกิดระหว่างเดือนพ.ย. 2547 – พ.ค. 2549 ต่อเนื่องกัน ที่อำเภอแก่งคอย และอำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี เกี่ยวพันกัน

CR: สำนักข่าวอิศรา