ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » จับตาเลือกตั้งนายกสภาทนายความ! ดร.สุกิจชี้ใครจะเข้าวิน

จับตาเลือกตั้งนายกสภาทนายความ! ดร.สุกิจชี้ใครจะเข้าวิน

7 January 2025
48   0

การเลือกตั้งนายกสภา และกรรมการสภาทนายความ

……………………#########………………………………

โดย ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม
นิติศาสตร์ดุษฎีบันทิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นผู้ทรงคุณวุฒิทำหน้าที่อาจารย์ที่ปรึกษาร่วมและเป็นอาจารย์สอบวิทยานิพนธ์ และค้นคว้าอิสระให้แก่นักศึกษาระดับปริญญาเอก มหาวิทยาลัยรามคำแหง


พระราชบัญญัติทนายความพ.ศ. 2528 หมวดที่ 5 การประชุมใหญ่ของสภาทนายความ ตาม มาตรา 45 การประชุมใหญ่ของสภาทนายความได้แก่ การประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี และการประชุมใหญ่วิสามัญ นอกจากนี้ ตาม มาตรา 46 คณะกรรมการต้องมีการจัดให้มีการประชุมใหญ่ สามัญประจำปีปีละหนึ่งครั้ง ภายในเดือนเมษายน ของทุกปี

ตามมาตรา 58 กรรมการมารยาททนายความมีวาระ ดำรงตำแหน่ง สามปี และอาจได้รับแต่งตั้งใหม่ได้ แต่จะดำรงตำแหน่งวาระติดต่อกันเกินกว่าสองปีไม่ได้ ถ้าตำแหน่งว่างลง ก่อนถึงวาระ ให้คณะกรรมการดำเนินการแต่งตั้งซ่อม เว้นแต่วาระ อยู่ในตำแหน่ง ของคณะกรรมการมารยาททนายความ จะ เหลือ ไม่ถึง 90 วัน

นายกสภาและกรรมการสภาทนายความต้องแสดงความกล้าหาญ ลาออกทั้งคณะภายในเดือน เมษายน 2568 ดร. วิเชียร ชุบไธสง นายกสภา ทนายความก็มีสิทธิ์ไปได้ต่อ

แต่ถ้าจัดเดือน สิงหาคม 2568 ดร. วิเชียร ชุบไธสง อาจไม่ได้กลับมาอีก เพราะไม่มีผลงาน และจะถูกขุดคุ้ย จนรู้ไส้เห็นพุงว่าสภาทนายความ เสียหายยับเยิน

เกิดจากดร. วิเชียร ชุบไธสง ได้มีหนังสือไปแจ้งไปยัง คณะปฎิวัติรัฐประหารว่า“การเลือกตั้งนายกและกรรมการสภาทนายความ จะมีการ ปราศรัย ทางการเมือง”

เป็นเหตุให้พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท คณะปฎิวัติมีคำสั่ง ให้ชะลอการเลือกตั้ง ไว้ก่อน จึงไม่ได้เลือกตั้งภายในกำหนดสามปีที่จะเกิดขึ้นในเดือนเมษายน ตามพระราชบัญญัติทนายความ ซึ่งเป็นกฎหมายโดยเฉพาะ ดร. วิเชียร ชุบไธสง ชึ่งเป็นนักกฏหมาย รู้อยู่แล้วว่าตามพระราชบัญญัติทนายความ ซึ่งเป็นองค์กรอิสระ มีวัตถุประสงค์ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองอยู่แล้ว

การเลื่อนเวลาออกไปอีกสี่เดือน โดยไม่มีเหตุตามกฎหมาย จึงเป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติทนายความได้ การฝ่าฝืนย่อมเป็นการกระทำผิดต่อกฎหมาย ข้ออ้างของการเข้ารับตำแหน่งช้าไปสี่เดือน จึงต้องขยายระยะเวลาออกไปให้ครบตามกำหนดสามปีนั้น ย่อมไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติทนายความกำหนดไว้ในกฏหมายจึงเป็นข้ออ้างที่กฎหมายไม่เปิดช่องให้กระทำได้ เป็นกรณีต้องเลือกตั้งภายในกำหนด การสร้างบรรทัดฐานตามพระราชบัญญัติสภาทนายความที่เป็นกฏหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะขององค์กร

ที่มีผู้นำ ไม่กล้าตัดสินใจ ในความเหลื่อมล้ำ ของระยะเวลาการเลือกตั้งที่เลื่อนไป สร้างความลำบากใจและความเสียหายให้กับ กรรมการที่จะเข้ารับตำแหน่ง และกับกรรมการ ที่อยู่ในตำแหน่ง อีกด้วยกรรมการที่ได้รับเลือกตั้งมาใหม่ จะเข้ารับตำแหน่งไม่ได้

เนื่องจากกรรมการเก่านั่งขวางประตูอยู่ อ้างว่ามีวาระยังไม่ครบ 3 ปี นั้นเป็นข้ออ้างที่ไม่ชอบด้วยตามกฎหมาย ภาวะการเป็นผู้นำผู้มีอำนาจเป็นเพียงหัวโขน ที่ไม่สามารถยึดติดตัวไปได้ตลอดชีวิต ความเสื่อม ศรัทธา ในสายตาของสมาชิกทนายความและประชาชน

แม้เป็นบท บัญญัติของกฎหมาย วาระ 3 ปี ก็ตามแต่การดำรงตำแหน่ง ที่เหลือ 4 เดือน ไม่คุ้มค่าความเสียหาย ที่ย่อมเกิดแก่สภาทนายความ ที่ไม่อาจพัฒนาอะไรได้มากไปกว่าคณะกรรมการสภาทนาย ที่แจวเรือบนถนน อย่างแน่นอน

เพราะ ทำให้ผู้บริหารชุดใหม่ที่ได้รับการเลือกตั้งไม่สามารถเข้าดำเนินการทำหน้าที่ได้ภายในกำหนด

สมาชิกสภาทนายความ ไม่เคยได้ยินจากปาก ท่าน ดร. วิเชียร ชุบไธสง ว่าจะรับผิดชอบ หรือแก้ไขปัญหาที่ตนได้สร้างขึ้น โดยมีหนังสือแจ้งทหาร มาขัดขวางการเลือกตั้ง กำหนดเวลาจึงเลื่อนออกไปจากปกติ ไป 4 เดือน

จึงเป็นความมัวหมองที่ทิ้งไว้ให้กับองค์กรสภาทนายความ ที่มีผู้นำขาดความน่าเชื่อถือ ขาดความรับผิดชอบ

ประธานมารยารทนายต้องรีบประกาศให้มีการเลือกตั้ง ตามพระราชบัญญัติทนายความ โดยให้กรรมการสภาทนายความ ใน สังกัด แสดงความกล้าหาญด้วยการลาออกก่อนครบวาระ ไม่ควรอยู่ใต้ความครอบงำของนายกสภาทนาความ ตาม พระราชบัญัติสภาทนายความมาตรา 27 ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ (1) บริหารกิจการของสภาทนายความ

ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดในมาตรา 7. (2) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ เพื่อทำกิจการหรือพิจารณาเรื่องต่าง ๆ อันอยู่ในขอบเขตแห่งวัตถุประสงค์ของสภาทนายความ เว้นแต่กิจการซึ่งมีลักษณะหรือสภาพที่ไม่อาจมอบหมายให้กระทำการแทนกันได้

ในอดีตท่านพนิต บุญชะม้อย ก็ใช้อำนาจประธานประกาศเลือกตั้ง โดยไม่สนใจ นายถวัลย์ รุยาพร คนใจแคบ เห็นแก่ได้ มาแล้ว และจะกลับมาอีกนั้น ยากที่จะได้รับการเลือกตั้ง ผู้บริหารต้องใจถึงพึ่งได้ ต้องรับผิดชอบศาลาการสวดอภิธรรมที่หน้าสภาทนายความที่ผิดกฏหมาย และถูกสำนักงานเขตทุบทิ้ง

เพื่อแก้ความเหลื่อมล้ำของเวลาที่หายไป 4 เดือน ที่นายก สภาทนายความ ดร.วิเชียร สร้างปมด้อยไว้ ผู้บริหารสภาทนายความทำเสียหายแบบนี้ นี้เอง สภาจึงไม่นำความเจริญมาสู่เพื่อนสมาชิกสภาทนายความ

สมาชิกทนายความทั่วประเทศต้องช่วยกันผลักดันให้กฏหมายเกิดความศักดิ์สิทธิ์ โปรดพิจารณา ตลอดระยะเวลา 3 ปี ที่ผ่านมา ผลงานเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า สมาชิกสภาทนายความ ได้อะไรจากการหาเสียงของผู้บริหารชุด นี้บ้าง

ดร.นพ-ธนพล” เปิดตัวลงชิงเก้าอี้ “นายกสภาทนายความ “ ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยรามคำแหง“ มี ความพร้อมทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิ และประสบการณ์ จบนิติศาสตร์บัณฑิตมหาวิทยาลัยรามคำแหงปี 2535

มหาบัณฑิตด้านรัฐศาสตร์สาขานักบริหารและสามารถจบปริญญาเอกสาขาวิชาการเมืองจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง จนได้รับคำนำชื่อว่า “ดอกเตอร์”โดยยังไม่ได้กล่าวถึงภาวะผู้นำ (Leadership) และบารมีที่สะสมมา (charisma)

จับตาครับสำหรับศึกชิงเก้าอี้นายกสภาทนายความ โดยมีคู่แข่งคือ ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความฯคนปัจจุบันที่ขอลงอีก 1 สมัย ผลงานในรอบ 1 สมัยจะเป็นเครื่องวัดใจทนายความว่า จะเลือกใครมานั่งกุมบังเหียน ผู้นำสูงสุดขององค์กรในวงการทนายความ ระหว่าง “ดร.ธนพล กับ ดร.วิเชียร”เพื่อเข้ามากอบกู้เกียรติยศ ศักดิ์ศรีและดูแลสวัสดิการของพี่น้องทนายความ

ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม