ข่าวประจำวัน » โศกนาฏกรรมยะลา! สองชีวิตดับปริศนา เจ้าหน้าที่เร่งคลี่คลายปม

โศกนาฏกรรมยะลา! สองชีวิตดับปริศนา เจ้าหน้าที่เร่งคลี่คลายปม

19 May 2025
49   0

คนร้ายลอบยิงสองสามีภรรยาในพื้นที่ อ.รามัน จ.ยะลาจากกรณีเหตุคนร้ายลอบยิง นายบือราเฮง สีละรู อายุ 47 ปี และ น.ส.สีตีมาลีแย อัปดุลเล๊าะ อายุ 46 ปี สองสามีภรรยาเสียชีวิต บริเวณบ้านเลขที่ 94 หมู่ที่ 2 ตำบลจะกว๊ะ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2568 เวลา 1930 น. ที่ผ่านมา โดยเหตุเกิดขณะ นายบือราเฮงฯ กำลังนั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน และ น.ส.สีตีมาลีแยฯ กำลังอาบน้ำอยู่ข้างบ้าน ภายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่เพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน พบปลอกระสุนปืนคาร์บิน ขนาด 0.30 มม. ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ จำนวน 1 ปลอก และเศษกระสุน จำนวน 1 ชิ้น สำหรับแรงจูงใจในการก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ตั้งปมขัดแย้งเรื่องส่วนตัว แต่ยังไม่ตัดประเด็นการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะเร่งสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน รวมทั้งพยานแวดล้อมในที่เกิดเหตุ เพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วที่สุดต่อไปซึ่งภายหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้น

มีกระแสข่าวทางสื่อโชเชียลพยายามบิดเบือนโยนความผิดว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งนี้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐอย่างแน่นอน อีกทั้งไม่มีสาเหตุใดที่เจ้าหน้าที่ต้องไปกระทำการอย่างนั้น เนื่องจากบ้านเมืองมีหลักกฎหมายสำหรับบังคับใช้ หากพบว่าบุคคลใดเข้าข่ายกระทำผิดตามกฎหมายก็สามารถนำกฎหมายมาบังคับใช้กับบุคคลนั้นๆได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงแต่อย่างใด

ทั้งนี้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมขอให้การยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่าจะนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด และขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนกรุณาตรวจสอบข่าวสารที่ได้รับทราบอย่างรอบคอบถี่ถ้วน เพื่อที่จะไม่ตกเป็นเครื่องมือของผู้ไม่หวังดีต้องการสร้างความรุนแรง หวังผลความแตกแยกของพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อวัตถุประสงค์แอบแฝงทางการเมืองต่อไป

สำหรับผลการตรวจพิสูจน์อาวุธปืนที่ใช้ในเหตุการณ์ความรุนแรงหลายคดีในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความเชื่อมโยงกัน โดยสามารถสรุปได้เป็น 3 คดีหลัก ดังนี้

1. กรณีเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 เวลาประมาณ 06.00 น. คนร้ายใช้อาวุธปืนยิง ร.ต.ท.วัฒนารมย์ ชูปาน ระหว่างขับรถออกจากวัดพร้อมพระ-สามเณร ทำให้สามเณรมรณภาพ 1 รูป และบาดเจ็บหลายราย ในพื้นที่ หน้าวัดเกาะอภินิหาร หมู่ที่ 6 ตำบลเปียน อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ผลการตรวจพิสูจน์ปลอกกระสุนจำนวน 30 ปลอก ยืนยันว่ายิงมาจากปืน M16 กระบอกเดียวกัน ตรวจพบประวัติในสารบบของ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 จำนวน 6 คดี ที่สำคัญพบว่าเคยใช้ยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารและประชาชนมาแล้วจำนวนมากเป็นเหตุให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร เสียชีวิต จำนวน 2 นาย และประชาชนเสียชีวิต จำนวน 4 ราย

2. กรณีเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 15.30 น. คนร้ายใช้อาวุธปืนยิง นางสง่า แสงย้อย หญิงชรามีความพิการทางสายตา เสียชีวิต และนายทัศไนย์ ตั้งคง บาดเจ็บ ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์มาจากโรงพยาบาลจะแนะ เพื่อที่จะกลับบ้าน เหตุเกิดบนถนนรอยต่อ หมู่ที่ 4 กับ หมู่ที่ 5 ตำบลช้างเผือก อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่และเก็บหลักฐานวัตถุพยานพบปลอกกระสุนปืนออโตเมติก ขนาด 9 พบว่ามีประวัติเคยใช้ก่อเหตุรวม 3 คดี กรณียิงเจ้าหน้าที่ทหารพราน และประชาชนเสียชีวิตรวม 2 ราย

3. กรณีเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 19.45 น. คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงชาวบ้าน บ้านเลขที่ 1/3 และ 1/4 หมู่ที่ 5 ตำบลโฆษิต อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บ 2 ราย โดยหนึ่งในผู้เสียชีวิตเป็นเด็กหญิงวัย 9 ขวบ เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่และเก็บรวบรวมวัตถุพยานพบปลอกกระสุนปืนเล็กกล ขนาด 5.56 มิลลิเมตร จำนวน 29 ปลอก ใช้ยิงมาจากปืน จำนวน 2 กระบอก โดยกระบอกที่ 1 พบว่าใช้ก่อเหตุมาแล้ว 26 คดี เคยใช้ยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนชุดคุ้มครองตำบล พระสงฆ์ และประชาชนในพื้นที่เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ส่วนกระบอกที่ 2 ได้มาจากการทำร้ายสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ขณะลาดตระเวนเส้นทางรักษาความปลอดภัยครู บริเวณถนนริมคลองชลประทานบ้านโคกยาง หมู่ที่ 5 ตำบลพร่อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เป็นเหตุให้ สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน สนธยา ชัยสิทธิ และ สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน อมร บุญทอง เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และคนร้ายได้ปล้นเอาอาวุธประจำกายไปด้วย และนำไปใช้ก่อเหตุมาแล้ว 4 คดี ส่วนปลอกกระสุนปืนออโตเมติก ขนาด 9 มม. ที่พบในที่เกิดเหตุพบว่าใช้ยิงมาจากอาวุธปืนที่ก่อเหตุมาแล้ว จำนวน 3 คดี มีประชาชนเสียชีวิตจำนวน 1 รายโดยทั้งหมดเกิดขึ้นจากการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงและแนวร่วมโดยมุ่งหวังเพื่อให้เกิดความหวาดระแวง สร้างความแตกแยกในสังคม ด้อยค่าเจ้าหน้าที่รัฐ และต้องการให้ประชาชนตอบโต้กันไปมา เพื่อที่จะให้เข้าสู่ภาวะที่ควบคุมไม่ได้ สร้างเงื่อนไขต่างๆ ที่จะเปิดโอกาสให้กลุ่มขบวนการ แบ่งแยกดินแดนได้สำเร็จในที่สุด ทั้งนี้ขอให้พี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนได้โปรดใช้วิจารณญาณในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร อย่าตกเป็นเครื่องมือของผู้ใช้ความรุนแรง สำหรับคดีต่างๆที่เกิดขึ้นในพื้นที่ทุกคดี เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายไม่ได้นิ่งนอนใจ จะรีบเร่งสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด