เรื่องฮอต ประเด็นฮิต » #ไปหาเจ้าสัว (มหาเศรษฐี) ทำไม? ! ดร.เทอดศักดิ์ ชี้ต้องไป เพราะแบบนี้นั้นเอง

#ไปหาเจ้าสัว (มหาเศรษฐี) ทำไม? ! ดร.เทอดศักดิ์ ชี้ต้องไป เพราะแบบนี้นั้นเอง

18 April 2020
14849   0

ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา ผู้เชี่ยวชาญด้สนยุทธศาสตร์การเมือง การปกครองได้โพสข้อความระบุว่า ไปหาเจ้าสัว (มหาเศรษฐี) ทำไม?

การตีความหมายว่า การไปพบมหาเศรษฐี ภาคธุรกิจ ประชาชน คือการขอรับบริจาค จนกลายเป็น แฮชแทก #รัฐบาลขอทาน นั้น แสดงให้เห็นชั้นความคิดบางคน ที่มองการเมือง แค่ตามองเห็น ขาดความลึกซึ้ง สับสน ในยามชาติไทยกำลังเข้าสู่สภาวะวิกฤติ

ปัจจุบันไทยใช้ยุทธการ “ไวรัสพินาศ ประชาชนพ้นภัย” แบ่งเป็น ปัจจัยภายนอกประเทศ (การแพร่ระบาดจากภายนอก) ปัจจุบันได้ปิดน่านฟ้าจนถึง30 เมษายน รับเฉพาะคนไทยเข้าประเทศ ที่จะต้องผ่านการคัดกรอง ใบรับรอง และต้องนำไปกักโรคก่อนเท่านั้น

ปัจจัยภายใน แบ่งเป็น

1.ป้องปราม (ป้องกัน-ป้องปรามการฝ่าฝืน ป้องกันอาชญากรรม) ซึ่งยุทธีนี้ไม่มีปัญหาจับกุมผู้ฝ่าฝืนได้เกือบ 5 พันราย ลดระยะการผ่อนปรน ตามสถานการณ์ โดยยึด แต่ละจังหวัดที่ลด เพิ่ม การติดเชื้อ เป็นสำคัญในการเปิด ปิด กิจการ ห้างร้าน แค่ยังคงเคอร์ฟิวส์ต่อไปในระยะเริ่มต้น

2.เยียวยา (ผู้ได้รับผลกระทบทางตรง และทางอ้อม) ในทุกสาขาอาชีพ เช่น ผู้ทำประกันตน ประกันสังคม ผู้ได้รับผลกระทบตามคำสั่งของรัฐ ในทุกสาขาอาชีพ นักศึกษา คนชรา เกษตรกร คนพิการ ฯลฯ อย่างน้อย 3 เดือน ลดค่าน้ำ ค่าไฟ เลื่อนการชำระหนี้ 3 เดือน ทั้ง บ้าน รถ เงินกู้ ทั้งประชาชน และเอกชน วงเงินกู้ไม่เกิน 500 ล้านบาท เป็นต้น

3.ฟื้นฟู (กระตุ้นเศรษฐกิจ) จัดเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ที่จะสามารถกู้ได้จากธนาคารออมสิน วงเงิน 1 หมื่น และ 5 หมื่นบาท

โดยจะใช้เงินในการ เยียวยา ป้องปราม ในช่วงแรก 1.9 ล้านล้านบาท คิดเป็น 10% ของ GDP จัดอยู่ในอันดับที่ 6 ของโลก

วงเงินที่จะนำมาใช้ แบ่งเป็น 3 ระยะ

ระยะสั้น งบกลาง ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ที่จะสามารถดำเนินการจ่ายได้ทันที ในเดือนเมษายน 2563 ปัจจุบันมีผู้รับเงินเยียวยา 5000 บาทต่อคนไปแล้ว ราว 1 ล้านคน ในระยะต้น

ระยะกลาง ให้ทุกกระทรวง ทบวง กรม โยกงบในการพัฒนา ปี 2563 ที่มีเวลาใช้ถึง 30 กันยายนเท่านั้น มาเข้าสู่งบกลาง อย่างน้อย 10-20 % ของแต่ละกระทรวง ซึ่งจะต้องออก พรก.โยกเงินงบประมาณ จะสามารถใช้ได้ทันในเดือนพฤษภาคม

ระยะยาว ออก พรก.เงินกู้ ประเด็นสำคัญคือ ต้องไม่กู้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF เพราะในยุครัฐบาลทักษิณ ได้ฉวยโอกาสขายทัพย์สินของรัฐ เช่น ปตท. และ อ.ส.ม.ท. ให้ต่างชาติ นักการเมือง ครอบครัว เข้าทำการครอบครองทรัพย์สินของแผ่นดิน ที่เป็นของประชาชนถึงร้อยละ 49 แล้วอ้างเอาไปใช้หนี้ IMF

แต่ความจริงแล้ว คือการเอี้อประโยชน์ให้ต่างชาติ นักการเมือง ครอบครัว เข้ามาครอบครองทรัพย์ของแผ่นดิน แล้วมีรีดราคาน้ำมัน แก๊ส จากประชาชนคนไทย ตั้งแต่ปี 2544จนถึง ปัจจุบัน รวมระยะเวลากว่า 19 ปี ที่คนไทยต้องใช้ แก๊ส และน้ำมันแพงขึ้นกว่าชาติอื่นๆกว่าเท่าตัว อันเป็นหลักการยึดครองทรัพย์สินของรัฐ ที่มีตัวแบบมาจากประเทศอาเจนตินา

ภาระกิจคือ จะต้องออก “พันธบัตรรัฐบาล” หรือ “พันธบัตรช่วยชาติ” ขอความร่วมมือเชิญชวน ประชาชน เอกชน ธนาคาร เจ้าสัว(มหาเศรษฐี) เพื่อระดมทางความคิด(Brainstorm) มาซื้อพันธบัตรรัฐบาล สำหรับพันธบัตรรัฐบาลนั้น จะแบ่งเป็นสองส่วน

ส่วนที่ 1 ให้ประชาชนได้ซื้อ จะได้อัตราดอกเบี้ยสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากปกติ และสามารถทำการตรวจสลากได้ เหมือนสลากออมสิน มีระยะเวลา 5 ปีขึ้นไป สามารถขายคืนได้ แต่จะหักตามส่วนหากไม่ครบกำหนด

ส่วนที่ 2 ให้ เอกชน ธนาคาร เจ้าสัว(มหาเศรษฐี) ทำการซื้อ โดยจะมีอัตราดอกเบี้ยถูกกว่าประชาชน อาศัยความร่วมมือ น้ำจิตน้ำใจของพ่อค้าวาณิชย์ ที่มาค้าขาย ทำมาหากินในไทย ประกอบกับขอความร่วมมือ ช่วยเหลืออย่าทอดทิ้งแรงงานไทย มิให้เลิกจ้างในยามวิกฤติ

อันเป็นหลักการกู้ยืมเงินจากคนไทยนั้นเอง หากพัธบัตรช่วยชาติ ไม่เพียงพอ จึงค่อยไปทำการกู้ยืมต่างชาติ อันจะทำให้คนไทยเป็นหนี้ต่างชาติให้น้อยที่สุด เท่าที่จะทำได้ ประกอบกับจะได้ความร่วมมือจากคนไทย ในการขับเคลื่อนฟื้นฟูประเทศ แล้วยกระดับเข้าสู่การปฏิรูปในเวลาต่อไป

สิ่งเหล่านี้คือหลักการบริหารเชิงยุทธศิลป์ ยุทธวิธีที่มีศิลปะ ในเชิงการบริหารชั้นสูง ที่ผู้นำในโลกน้อยคนจะได้ศึกษา และได้ปฏิบัติจริง ที่มีความลึกซึ้ง สลับซับซ้อน ยอกย้อนกลอุบาย พริ้วแผ่วเบา สัมผัสมิได้ แต่รู้สึกได้ จนทำให้ องค์การอนามัยโลก WHO เยอรมัน ญี่ปุ่น อังกฤษ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ชมเชยรัฐบาล ทุกภาคส่วน ดำเนินการมาอย่างถูกต้อง ทำให้การแพร่ระบาดน้อยลง

ไทยใช้หลักยุทธศาสตร์การเมือง การปกครอง เช่นนี้ มิได้เรียนแบบชาติใด หรือเหมือนชาติใด แต่คนไทยจงภูมิใจว่าคือ ทฤษฎีเชิงการบริหารประเทศในยามวิกฤติ-ฉุกเฉิน ในรูปแบบของคนไทย ที่ยึด พฤติกรรม ประเพณี สีผิว ชาติพันธ์ และศาสนา เป็นสำคัญ ที่อาศัยการร่วมแรง ร่วมใจ ของคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะสีใด พรรคใด พวกใด ให้ชาติเข้าสู่ชัยชนะร่วมกันในที่สุด

“ ถึงเวลาตายวายชีวาวาท ทรัพย์และธาตุก็มิตกไปเมืองผี เกิดเป็นคนจงมุ่งทำแต่ความดี กลายเป็นผีตายไปใครก็ชม “

ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา
18 เมษายน 2563