เรื่องฮอต ประเด็นฮิต » #เจี๊ยบก้าวไกล ท้าทาย ! ใส่ชุดไทยอวด หลัง นิว 3 นิ้วโดนคุกล้อเลียนสถาบันฯ

#เจี๊ยบก้าวไกล ท้าทาย ! ใส่ชุดไทยอวด หลัง นิว 3 นิ้วโดนคุกล้อเลียนสถาบันฯ

14 September 2022
203   0

   14 ก.ย.2565 – ที่ห้องแถลงข่าวอาคารรัฐสภา นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ในฐานะคณะอนุกรรมาธิการศึกษาผลกระทบของประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่มีต่อสิทธิเสรีภาพของสื่อและประชาชน ร่วมแถลงข่าว

นางอมรัตน์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ย. มีคำตัดสินจากศาลอาญากรุงเทพใต้สั่งให้จำคุกน.ส.จตุพร แซ่อึง หรือนิว เป็นเวลา 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา ข้อหาการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ด้วยการแต่งชุดไทยไปเดินในกิจกรรมทางการเมืองที่หน้าวัดแขกสีลม เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2563 รู้สึกว่าการตัดสินคดีนี้อันเป็นปฐมบทเบื้องต้นที่น่ากลัวของการตัดสินคดีมาตรา 112 ที่มีจำนวนมากถึง 210 คดีในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีประชาชนตั้งคำถามถึงความไม่สมเหตุสมผลและทำให้สั่นคลอนทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อกระบวนการยุติธรรม เนื่องจากกฎหมายไทย ไม่มีมาตราไหนที่ระบุความผิดในข้อหาล้อเลียน เนื้อหาสาระสำคัญของมาตราดังกล่าวคือ การดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรืออาฆาตมาดร้าย ห้ามด้อยค่าสถาบัน ไม่มีข้อใดที่ครอบคลุมไปถึงการล้อเลียนหรือห้ามไม่ให้ไม่เคารพ

“ขอตั้งคำถามว่าการตีความเช่นนี้ถือเป็นการตีความที่เกินขอบเขตตามรัฐธรรมนูญมาตรา 188 หรือไม่ อย่างไร เพราะมาตรา 188 ระบุไว้เพียงให้อิสระในการแสดงความเห็นเท่านั้น แต่ไม่ได้ให้อำนาจในการคุมขังที่ไม่ชอบธรรม รวมถึงต้องตัดสินโดยปราศจากอคติและความลำเอียง ขอตั้งคำถามไปถึงการตีความกฎหมายที่ไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญที่มีการรับรองสิทธิในการแสดงออกโดยสุจริต และการให้ประกันตัวโดยไม่มีมาตรฐานในหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา ถึงเวลาแล้วที่เราจะตระหนักถึงปัญหาของกฎหมายมาตรา 112 ที่มีไว้เพื่อกลั่นแกลงรังแกผู้มีความเห็นต่างทางการเมือง และไม่สอดคล้องกับการใช้มาตรานี้ในระดับสากล

ในประเทศอื่นที่มีระบอบการเมืองเดียวกับเราก็ไม่ได้มีโทษสูงเหมือนกับเราด้วย ขอเรียกร้องไปยังประชาชนทั่วประเทศให้มองเห็นถึงปัญหาการใช้มาตรา 112 ถึงเวลาแล้วหรือไม่ที่เราจะพิจารณาปรับแก้ไขและลดโทษ หรือมีการระบุว่าผู้ที่จะฟ้องร้องควรจะเป็นหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง เพื่อป้องกันการฟ้องร้องกลั่นแกล้งกันทางการเมืองเหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน” นางอมรัตน์ กล่าว

นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตอบคำถาม ทุกหน่วยงานระบุว่ามีคณะกรรมการกลั่นกรองว่าอะไรที่จะเข้าเงื่อนไขฟ้องหรือไม่ฟ้อง เมื่อขอรายชื่อ ขอรายงานการประชุม รายชื่อนักโทษในมาตรา 112 ก็ไม่ได้ ในขณะที่เราตรวจสอบเอกสารด้วยความยากลำบาก ขณะนี้ได้เรียกหน่วยงานมาเกือบครบแล้ว ก่อนที่จะมีการรวบรวมเอกสารทั้งหมดและข้อสังเกตของกมธ.ยื่นต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ที่ยังไม่เคยมีท่าทีใดๆ ที่ชัดเจนในเรื่องนี้ รวมถึงองค์กรคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่ไทยได้ลงนามไว้ในองค์กรนานาชาติ

ไทยกำลังเดินหน้าเข้าสู่การเป็นเจ้าภาพเอเปก ยังมีผู้ต้องหาอีก 9 คนที่กำลังจะถูกพิพากษา โดยมีผู้ที่ถูกพิพากษาไปแล้วในวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา 1 คนคือ นิว จตุพร โดยในเดือนกันยายนนี้จะมีผู้ถูกพิพากษาอีก 3 ราย และในเดือนตุลาคมอีก 5 ราย

ทั้งนี้ ในช่วงเดือนตุลาคม กมธ.จะไปเยี่ยมผู้ต้องหาในมาตรา 112 ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ อยากไปเห็นด้วยตาตนเอง รวมถึงจะมีการจัดทำโฟกัสกรุ๊ปที่จะคุยกับผู้ต้องหามาตรา 112 ว่าหลังเจอมาตรานี้ไปแล้วชีวิตพวกเขาเป็นอย่างไร จะศึกษาเรื่องนี้อย่างรอบคอบที่สุด เพื่อนำเสนอเรื่องนี้เพื่อให้เห็นว่าการปกป้องสถาบันหรือการทำให้สถาบันอยู่คู่กับระบอบประชาธิปไตย มาตรา 112 เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สถาบันอ่อนแอ รวมถึงดุลพินิจของผู้พิพากษากลายเป็นกฎหมายไปเสียเอง จะนำเสนอเรื่องนี้ให้เป็นระบบ

“เราต้องการความร่วมมือจากหน่วยงานรัฐอีกหลายหน่วยงาน ถึงเวลาที่ประเทศกลับมาเป็นประชาธิปไตยและเผด็จการออกไป คิดว่าเจ้าหน้าที่รัฐเหล่านี้จะทำงานเคียงข้างประชาชนและทำงานร่วมกับพวกเราในฝ่ายการเมืองในการทำให้ประเทศนี้ได้รับการปกครองโดยหลักนิติรัฐ นิติธรรม” นายปดิพัทธ์ กล่าว