เรื่องฮอต ประเด็นฮิต » #อั๋ว ไม่รอด ! ศาลสั่งคุกแกนนำเยาวชนปลดแอก

#อั๋ว ไม่รอด ! ศาลสั่งคุกแกนนำเยาวชนปลดแอก

23 December 2021
393   0

   22 ธ.ค.2564 – ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลได้นัดฟังคำสั่ง ในคดีหมายเลขดำที่ลศ 13/2564 ระหว่าง ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการประจำศาลอาญา ผู้กล่าวหา และ นายศุภกิจ บุญมหิทานนท์, นายวีรภาพ วงษ์สมาน, นายพัชรวัฒน์ โกมลประเสริฐ กุล ,น.ส.จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ หรือ อั๋ว, นายศรัณย์ อนุรักษ์ปราการ แกนนำกลุ่มเยาวชนปลดแอก (REDEM) ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1-5 ตามลำดับ ในฐานความผิดละเมิดอำนาจศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 30, 31 (1), 33 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15

สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2564 กลุ่มเยาวชนปลดแอก (REDEM) ได้นัดหมายชุมนุม เคลื่อนขบวนจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไปยังศาลอาญา โดยมีการใช้เครื่องขยายเสียงด่าทอนายชนาธิป เหมือนพะวงศ์ รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา อีกทั้งยังมีการขวางปาสิ่งของ เช่น มะเขือเทศ ไข่ไก่ และของเหลวสีแดง ใส่ป้ายศาลอาญาและบริเวณพื้นภายในบริเวณศาลอาญา ทําให้ได้รับความเสียหาย ภายหลังแกนนำผู้ชุมนุมได้ประกาศยุติการชุมนุม ยังมีผู้ชุมนุมบางส่วนยังรวมกลุ่มกันที่บริเวณปากซอยรัชดาภิเษก 32 และขว้างปาประทัด ยิงพลุไฟ และยิงหนังสติ๊กใส่เจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชน โดยผู้ถูกกล่าวหาทั้งห้าคนให้การปฏิเสธ

ศาลจึงมีคำสั่งให้ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1-3 จำคุกคนละ 2 เดือน และผู้ถูกกล่าวหาที่ 4-5 จำคุกคนละ 3 เดือน ปรับผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 จำนวน 480 บาท แต่ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดนำสืบข้อเท็จจริงเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ จึงลดโทษให้คนละ 1 ใน 3 เป็น ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1-3 คงจำคุกคนละ 40 วัน และผู้ถูกกล่าวหาที่ 4-5 จำคุกคนละ 2 เดือน ปรับผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 จำนวน 320 บาท

อย่างไรก็ดี ศาลพิเคราะห์พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งคดีแล้วเห็นว่า โดยทางไต่สวนไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 เป็นแกนนำการชุมนุม ไม่ปรากฎข้อเท็จจริงว่าขณะร่วมชุมนุม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 กระทำการใดอันเป็นการก่อความวุ่นวายอื่นอีก และไม่ปรากฎว่าเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน เพื่อให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 กลับตนเป็นพลเมืองดี จึงเห็นสมควรให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 2 ปี และให้คุมความประพฤติโดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 3 เดือนต่อครั้ง ส่วนผู้ถูกกล่าวหาที่ 1-3 และที่ 5 มีพฤติการณ์เข้าร่วมชุมนุมโดยใช้ความรุนแรงอันเป็นการไม่นำพาต่อความสงบเรียบร้อยในสังคม จึงไม่มีเหตุรอการลงโทษแต่เพื่อมิให้มีประวัติต้องโทษจำคุก จึงให้เปลี่ยนโทษเป็นสั่งกักขังผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 โดย ผู้ถูกกล่าวหา 1-3 กำหนด 40 วัน ส่วนผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 ให้กำหนด 2 เดือน