ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #ห้ามเป็นนักการเมืองตลอดชีวิต ! ศาลมีคำสั่งนักการเมืองคนแรกหลังกระทำผิด

#ห้ามเป็นนักการเมืองตลอดชีวิต ! ศาลมีคำสั่งนักการเมืองคนแรกหลังกระทำผิด

4 October 2021
1307   0

   สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2564 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาว่า นายจรัส ไชยยา นายกเทศมนตรีเมืองเมืองแกนพัฒนา อําเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและ หนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ ควรแจ้งให้ทราบกรณีพ้นจากตําแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองเมืองแกนพัฒนา อําเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่โดยไม่แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน จํานวน 12 รายการ มูลค่า 9,310,000 บาท ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหาตลอดไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 วรรคหนึ่งและวรรคสอง กับ มีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 167 จําคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจําคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจําคุกมาก่อนโทษจําคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกําหนด 1 ปี รายละเอียดดังนี้

ผู้ร้องยื่นคําร้องขอให้วินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพ้นจากตําแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองเมืองแกนพัฒนา อําเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหา กับลงโทษตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81, 114 วรรคสอง (1), 167, 188

ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ

พิเคราะห์คําร้องประกอบเอกสารท้ายคําร้องและคําให้การของผู้ถูกกล่าวหาแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งให้ดํารงตําแหน่งนายกเทศมนตรีเมือง เมืองแกนพัฒนา อําเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2554 โดยได้แถลงนโยบายต่อสภาเทศบาลเมืองเมืองแกนพัฒนาเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2554 และพ้นจากตําแหน่งด้วย การลาออกวันที่ 23 เมษายน 2561 ต่อมาผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตําแหน่งดังกล่าวเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2562 โดยไม่แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน จํานวน 12 รายการ ได้แก่

ที่ดินโฉนดเลขที่ 12301 จํานวน 1 รายการ มูลค่า 360,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 262/2 บนที่ดินโฉนดเลขที่ 34563 จํานวน 1 รายการ มูลค่า 2,000,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 262 บนที่ดินโฉนด เลขที่ 12455 จํานวน 1 รายการ มูลค่า 50,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น จํานวน 4 รายการ ได้แก่ โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างอาคารพาณิชย์เลขที่ 299/1 บนที่ดิน โฉนดเลขที่ 12456, 34228, 21302 และ 21303 ตามลําดับ มูลค่ารายการละ 700,00 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น จํานวน 4 รายการ ได้แก่ โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง อาคารพาณิชย์เลขที่ 300/2, 300/3, 300/4 และ 300/5 บนที่ดินโฉนดเลขที่ 40349,40350,40351 และ 40352 ตามลําดับ มูลค่ารายการละ 900,000 บาท และโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างตลาดกาดเมืองแกน จํานวน 1 รายการ มูลค่า 500,000 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินทุกรายการเป็นเงินจํานวน 9,310,000 บาท ซึ่งทรัพย์สินทุกรายการดังกล่าวตั้งอยู่ที่ตําบลอินทขิล อําเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ร้องพิจารณาแล้วมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชี

แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิด ข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินนั้น

มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณี พ้นจากตําแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองเมืองแกนพัฒนาตามคําร้องหรือไม่

เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ ว่าผู้ถูกกล่าวหาดํารงตําแหน่งนายกเทศบาลเมืองเมืองแกนพัฒนา จึงเป็นผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4 ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตําแหน่งด้วยการลาออกจากเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2561 และมีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบของ ตนเอง คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่อผู้ร้องภายในสามสิบวันนับแต่วันพ้นจากตําแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ซึ่งเป็นกฎหมายที่บังคับใช้ในขณะนั้น แต่ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดง รายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2562 ภายหลัง จากที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2561 โดยให้ยกเลิกพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่า ด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แต่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่า ด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 188 วรรคหนึ่ง ยังคงบัญญัติให้ ผู้ถูกกล่าวหามีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน เมื่อผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดง รายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตําแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองเมืองแกนพัฒนาวันที่ 29 เมษายน 2562 จึงถือว่าผู้ถูกกล่าวหากระทําความผิดภายหลังจากที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มีผลใช้บังคับ เมื่อผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินไม่ถูกต้อง ได้แก่ ที่ดิน และ โรงเรือนซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์และตลาดที่ปลูกสร้างโดยแบ่งแยกจากที่ดินแปลงเดียวกัน จํานวน 12 รายการ รวมมูลค่าทรัพย์สินเป็นเงินจํานวน 9,310,000 บาท บาท ดังกล่าวข้างต้น ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าค่อนข้างสูงและล้วนเป็นทรัพย์สินที่ผู้ถูกกล่าวหาได้มาในระหว่างดํารงตําแหน่ง นายกเทศมนตรีเมืองเมืองแกนพัฒนาทั้งสิ้น ผู้ถูกกล่าวหาย่อมรู้ถึงการมีอยู่ของทรัพย์สินดังกล่าวนั้นเป็นอย่างดี ทั้งนี้การยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องเป็น หน้าที่สําคัญของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองที่ต้องปฏิบัติอันเป็นมาตรการในการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองเพื่อให้เกิดการตรวจสอบผู้ใช้อํานาจรัฐ ประกอบกับผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ พฤติการณ์มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าผู้ถูกกล่าวหามีเจตนาไม่แสดง ที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น จึงฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีพ้นจากตําแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองเมืองแกนพัฒนา มีผลให้ผู้ถูกกล่าวหาต้องถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 วรรคหนึ่งและวรรคสอง และการกระทําของผู้ถูกกล่าวหายังเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีพ้นจากตําแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองเมืองแกนพัฒนา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 167 ด้วย

 

พิพากษาว่า นายจรัส ไชยยา ผู้ถูกกล่าวหา จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและ หนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ ควรแจ้งให้ทราบกรณีพ้นจากตําแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองเมืองแกนพัฒนา อําเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 วรรคสอง (1) ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหาตลอดไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 วรรคหนึ่งและวรรคสอง กับ มีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 167 จําคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจําคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจําคุกมาก่อนโทษจําคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกําหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชําระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 (คดีหมายเลขแดงที่ อม.5/2564 วันที่ 7 ก.ย.2564)

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 วรรคสองระบุว่า ผู้ใดถูกเพิกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้งไม่ว่ากรณีใด ผู้นั้นไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นตลอดไป และไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใด ๆ