เรื่องฮอต ประเด็นฮิต » #ยูเอ็นไม่เห็นชอบประณามกลุ่มถล่มซีเรีย,สหรัฐยันขีปนาวุธ105ลูกตรงเป้า

#ยูเอ็นไม่เห็นชอบประณามกลุ่มถล่มซีเรีย,สหรัฐยันขีปนาวุธ105ลูกตรงเป้า

15 April 2018
918   0

กองทัพสหรัฐยืนยันขีปนาวุธมากกว่า 100 ลูกที่ใช่ในการปฏิบัติการโจมตีซีเรียเมื่อวันเสาร์นั้น สามารถทำลายเป้าหมายได้ทั้งหมด และผลของการโจมตีถือว่า’ประสบควาทาำเร็จ’หลังรัสเซียและซีเรียเผยว่าสามารถสกัดขีปนาวุธของอเมริกาและพันธมิตรได้มากถึง 70%

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 14 เม.ย. ว่าพล.ท.เคนเนธ แมคเคนซี เสนาธิการกองกำลังนาวิกโยธินสหรัฐ แถลงเมื่อวันเสาร์ ว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของกองทัพสหรัฐ และพันธมิตรคือสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส ต่อเป้าหมายทางยุทธศาสตร์อย่างน้อย 3 แห่งในซีเรีย เมื่อช่วงรุ่งสางของวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่นในกรุงดามัสกัสนั้น “สามารถสร้างผลกระทบอย่างใหญ่หลวง” ให้กับขีดความสามารถของรัฐบาลซีเรีย ในการพัฒนาและเคลื่อนย้ายอาวุธเคมีครั้งต่อไป โดยย้ำว่า ผลลัพธ์ของการโจมตีที่เกิดขึ้นยังไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลดามัสกัสจะไม่สามารถผลิตอาวุธเคมีได้อีก เนื่องจากยังคงมี “องค์ประกอบสำคัญบางส่วน” ยังหลงเหลืออยู่

ทั้งนี้ พล.ท.แมคเคนซียืนยันว่า ปฏิบัติการที่เกิดขึ้น “ประสบความสำเร็จ” ตามแผนการที่วางไว้ โดยขีปนาวุธทั้ง 105 ลูกสามารถทำลายเป้าหมายทั้ง 3 แห่ง “ได้อย่างมีประสิทธิภาพ” คือศูนย์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ตั้งอยู่ชานกรุงดามัสกัส ตามด้วยฐานทัพและคลังแสงอาวุธเคมี ในเมืองฮอมส์ ห่างจากกรุงดามัสกัสออกไปทางตะวันตกและใกล้กับพรมแดนเลบานอน ขณะที่กองทัพซีเรียตอบโต้ด้วยการยิงขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศประมาณ 40 ลูก ซึ่งพล.ท. แมคเคนซีกล่าวว่าการที่ขีปนาวุธดังกล่าวของกองทัพซีเรียไม่ใช่ขีปนาวุธนำวิถี จึงมีความเป็นไปได้สูงมากที่วัตถุจะไปตกลงในเขตชุมชน สร้างความเสียหายให้แก่ชีวิตและทรัพย์สินของพลเรือน ในขณะที่ปฏิบัติการของสหรัฐและพันธมิตร “เป็นไปด้วยความระมัดระวังขั้นสูงสุด” จึงไม่สร้างความสูญดเสียใดให้แก่ชาวซีเรียซึ่งอาศัยอยู่ใกล้พื้นที่โจมตี..

อย่างไรก็ตาม รายงานของกระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า สหรัฐและพันธมิตรใช้ขีปนาวุธรวมกันทั้งสิ้น 103 ลูก เป็นขีปนาวุธนำวิถีจากอากาศสู่พื้น ซึ่งถูกยิงจากทั้งทางอากาศและทางทะเล แต่ระบบป้องกันของกองทัพซีเรียสามารถสกัดการโจมตีของขีปนาวุธได้ 71 ลูก หรือ 70% กระนั้นมีพลเรือนในเมืองฮอมส์ 3 คนได้รับบาดเจ็บจากการเปลี่ยนทิศทางของหนึ่งในขีปนาวุธที่ระบบสกัดให้เปลี่ยนทิศทาง

ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเป็นผู้ออกคำสั่งดังกล่าวหลัง “ลังเล” มานานร่วม 1 สัปดาห์ ทวีตข้อความว่า “ภารกิจสำเร็จลุล่วง” พร้อมทั้งขอบคุณการสนับสนุนจากสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส.

Cr.dailynews

สำนักข่าววิหคนิวส์