เปิดยุทธการไตรรงค์ เริ่มต้นด้วยการประกาศปรับปรุงชื่อ ศูนย์บริหารสถานการณ์แก้ไข ปัญหาโรคติดต่อ เชื้อไวรัสโคโรนา เป็นศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ฉุกเฉินแลก้ไขปัญหาโควิด-19 ในต่างจังหวัดให้ค่ายทหารจัดตั้งเป็นศูนย์เพื่อรองรับการปฏิบัติ ตามแผน
ออกประกาศในทีวีรวมการเฉพาะกิจ ให้บุคคลที่มีพฤติกรรม เป็นภัยต่อความมั่นคง และเป็นอุปสรรคต่อการระงับการแพร่ระบาดโควิด เข้ารายงานตัวยังศูนย์ฯ ในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด จัดการอบรมให้ความรู้ เปลี่ยนแปลงและ ความคิดเป็นระยะเวลา 7 วัน โดยใช้หลักสูตร วิวัฒนพลเมือง ต่อบุคคล ที่ได้เข้าร่วมและสน้บสนุนการชุมนุมและผู้กระทำความผิดเช่น นายทุน ท่อน้ำเลี้ยง เป็นต้น ทำการละลายพฤติกรรมเป็นเวลา 7 วัน
ออกประกาศให้บุคคลที่หลบหนี ให้เข้ามารายงานตัว หากยังฝ่าฝืนให้ขอศาลออกหมายจับ หรือใช้อำนาจศูนย์ฯเข้าทำการควบคุม
โดยบุคคลที่ถูกรายงานตัวให้ดำเนินการทั้ง แกนนำ นักการเมือง ผู้ปลุกระดม ผู้บงการ ปลุกปั่น
ส่วนในต่างประเทศให้กระทรวงการต่างประเทศขอความร่วมมือ ในการขอตัวมารายงานตัวในประเทศไทย เมื่อครบ 7 วัน ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งข้อกล่าวหากับบุคคลที่กระทำความผิด เช่น ร่วมกันก่อการกบฎ และความมั่นคง ฯลฯ ตามสิ่งที่ได้กระทำ ถอน-คัดค้าน การประกันตัว แล้วนำแยกขังตามภูมิลำเนา มิให้ขังรวมยังจุดเดียว
ส่วนเยาวชน ให้เรียกตัวผู้ปกครอง มาแจ้งข้อกล่าวหาด้วย ฐานปล่อยปะละเลย ให้ขึ้นศาลเยาวชน ส่งเข้าสถานพินิจ ผู้ปกครองส่งเข้าเรือนจำ แล้วค่อยให้ประกันตัวในภายหลัง หลังจากประเทศเข้าสู่ความสงบ
เรียบร้อย โดยนักการเมืองจะได้เอกสิทธิ์ ในการคุ้มครองตั้งแต่วันเปิดสภาเป็นต้นไป
ออกคำสั่งให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ทำการอายัดทรัพย์บุคคล พ่อ แม่ ญาติ พี่ น้อง ของผู้กระทำความผิด รวม 7 ชั่วโคตร เพื่อให้รางานทรัพย์สิน ต่อ ปปง.อย่างละเอียดถึงที่มาของทรัพย์สิน การเกี่ยวข้องจนกว่าจะชี้แจ้งที่มาของทรัพย์จนครบ
แค่นี้บ้านเมืองก็จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติสุข โดยไม่ต้องเสียเลือด เสียเนื้อแม้แต่หยดเดียว เป็นการเอาชนะด้วยกลยุทธ ศัตรูที่ว่าแข็งกล้าก็ต้องยอมศิโรราบ โดยการใช้หลักยุทธศาสตร์การเมืองการปกครองอย่างพลิกเหมาะสม
“ ทุกศึกทุกสงคราม มิได้เอาชนะด้วยสรรพกำลัง แต่ล้วนแล้ยาชนะด้วยสติปัญญาและการใช้กลยุทธที่พลิกเพลงเหมาะสม’:
ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ จะเป็นผู้ชนะ