ข่าวประจำวัน » #มีคดีติดตัว “ลำไย ไหทองคำ” กลัวซะที่ไหน สู้ถึงที่สุดเพื่อพิสูจน์ความจริง

#มีคดีติดตัว “ลำไย ไหทองคำ” กลัวซะที่ไหน สู้ถึงที่สุดเพื่อพิสูจน์ความจริง

5 October 2017
862   0

“ลำไย ไหทองคำ” นักร้องซุป’ตาร์ ขวัญสายอินดี้ ไม่ตื่นเต้นตกเป็นจำเลย ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีพร้อมกับ “ประจักษ์ชัย” นายใหญ่ไหทองคำอินดี้ พร้อมสู้ถึงที่สุดเพื่อพิสูจน์ความจริง ขอโฟกัสเรื่องงาน ปิดรับสิ่งที่พุ่งเข้ามากระทบจิตใจ

ประสบความสำเร็จขึ้นแท่นเป็นนักร้องมาแรงแบบฉุดไม่อยู่ เดินสายทำงานรับทรัพย์งามๆ ทุกวัน ในขณะเดียวกัน นางสาวสุพรรณษา เวชกามา หรือ ลำไย ไหทองคำ ก็กลายเป็นนักร้องมีคดีความติดตัว พร้อมกับ นายประจักษ์ชัย เนาวรัตน์ ผู้บริหารค่ายไหทองคำอินดี้ ในฐานะผู้จัดการส่วนตัว หลังจากโดน นายณรงค์วัฒน์ ยันตะพันธ์ ยื่นฟ้องฐานละเมิดลิขสิทธิ์ สิทธิของนักแสดง ต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 26 ก.ย. ที่ผ่านมา

ความคืบหน้าเรื่องนี้ ลำไย ทองคำ ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมพิธีบวงสรวงเปิดกล้องภาพยนตร์เรื่อง ผู้สาวขาเลาะ ที่ศาลหลักเมือง จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ว่า เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อมาอยู่ในจุดที่มีคนโฟกัส และจ้องจับผิด โดยส่วนตัวไม่กลัวหรือตื่นเต้นกับเรื่องดังกล่าว พร้อมสู้ทุกสถานการณ์เพื่อพิสูจน์ความจริง ปิดรับข้อมูลที่พุ่งเข้ามากระทบจิตใจ ให้ความสำคัญกับการทำงาน สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับตน ครอบครัว และทีมงานไหทองคำอินดี้

“อันนั้นหนูคิดว่าสัญญามันไม่สมบูรณ์ค่ะ น่าจะรู้ตัวเองว่ามันสมบูรณ์หรือไม่ น่าจะฟ้องได้หรือไม่ได้ คนที่เซ็นกันน่าจะรู้ตัวเองนะคะ ไม่ได้สนใจอะไร และไม่รู้จะสนใจทำไม เพราะสนใจไปมันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนนี้โฟกัสกับงานค่ะ ไม่คิดเยอะไม่อ่านอะไรเยอะ ไม่ต้องรับรู้มาก รับรู้แค่เรื่องงาน พร้อมพิสูจน์ความจริง พิสูจน์ความบริสุทธิ์ค่ะ” ลำไยกล่าว

ด้าน นายประจักษ์ชัย กล่าวว่า ไม่ได้มีความรู้สึกวิตกกังวลกับเรื่องนี้ ซึ่งเป็นเรื่องเก่า เมื่อมีการฟ้องร้องกันขึ้นมา ก็พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และสู้ถึงที่สุดเพื่อพิสูจน์ความจริงในชั้นศาล

“มันเป็นเรื่องเก่า ไม่เป็นไร ก็ไปสู้กันในชั้นศาล ในประเด็นที่เขายื่นฟ้องมา ผมเห็นข่าวแล้ว ผมว่าไม่ได้มีการตอบรับจากสื่อเท่าที่ควร เพราะว่าในความเป็นจริงที่ผ่านมาได้มีการคุยกันไว้บ้างแล้ว คือนักร้องแต่ละคนก่อนจะมาถึงจุดใดจุดหนึ่งผ่านอะไรมาเยอะพอสมควร เวทีนั้นเวทีนี้ สัญญาตรงนั้นสัญญาตรงนี้ เราก็ถามน้องว่ามีสัญญาซ้อนมั้ย น้องก็บอกไม่มี พอถึงวันหนึ่งน้องมีสัญญาซ้อนขึ้นมา น้องเซ็นจริงแต่ว่าไม่ได้มีการให้สัญญาคู่ฉบับไว้ คือเขียนกันโดยความเข้าใจกันเอง เราก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ก็มีการพูดคุยกันที่เขาร้องเรียกค่าเสียหายอะไร ก็มาประเมินกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น หลักๆ แล้วผมก็ดูในมูลฟ้องคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรร้ายแรงก็ทำงานต่อไป ไม่ได้มีความวิตกกังวลอะไรเลย ผมเห็นมูลฟ้องเห็นเนื้อหาในสัญญาแล้ว เขาบอกจะเรียกร้องค่าเสียหาย 10 เท่าของการลงทุนไป ก็ยังไม่ได้ลงทุนอะไร เห็นว่าแม่น้องลำไยก็เป็นคนลงทุนทั้งหมดด้วยซ้ำไป ค่าแท็กซี่ ค่าเพลงค่าห้องอัด ยังไม่ได้ทำอะไรเลย เขาก็บอกว่าสัญญาคู่ฉบับเขาก็ไม่ได้นะ และมันก็ผ่านเวลาตรงนั้น ก็หยุดไปไม่ได้ทำกันต่อเนื่อง พอจุดหนึ่งผมไปเห็นน้องที่ลานเบียร์ ผมก็ถามว่าน้องมาร่วมงานกันมั้ย มีสัญญาที่ไหนมั้ย เขาก็บอกว่าไม่มีสัญญา ที่นี้พอมันมีสัญญาตามหลังขึ้นมา  เราก็พร้อมไปพิสูจน์ในชั้นศาลว่า สัญญานั้นสมบูรณ์มั้ย ในการทำตอนนั้นมีพ่อแม่ให้ความยินยอม  ในขณะที่น้องอยู่ในวัยประมาณนั้นหรือไม่ ที่สำคัญได้ลงทุนอะไรไปบ้างก็มาพูดคุยกันในสิ่งที่เขาเรียกร้องว่าเราเป็นฝ่ายต้องเสียค่าเสียหายเท่านั้นเอง” นายประจักษ์ชัยกล่าว

สำหรับคดีดังกล่าว นายณรงค์วัฒน์ ยันตะพันธ์  ที่อยู่ 7/569 ม.7 แขวงทวีวัฒนา เขตไทรน้อย จ.นนทบุรี ได้ยื่นฟ้อง นางสาวสุพรรณษา เวชกามา หรือ ลำไย ไหทองคำ อายุ 19 ปี ที่อยู่ 29/21 ถ.จรัลสนิทวงศ์ แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย กทม. เป็นจำเลยที่ 1 และนายประจักษ์ชัย เนาวรัตน์ ผู้จัดการ อายุ 46 ปี ที่อยู่ 78 ม.5 ต.หว้านใหญ่ อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร เป็นจำเลยที่ 2 ในคดีหมายเลขดำ ที่ อ.710/2560 ฐานละเมิดลิขสิทธิ์ สิทธิของนักแสดงต่อตน ได้ยื่นต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง

โดยระบุว่า ตนเคยเป็นเจ้าของสิทธิ์ สิทธิของนักแสดง โดยทำสัญญาเป็นผู้รับโอนสิทธิของนักแสดงจากลำไย ไหทองคำ  ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 เป็นนักแสดง-นักร้องที่ได้โอนสิทธิของนักแสดงให้ไว้แก่ตนโดยมีเงื่อนไขและกำหนดระยะเวลาห้าปี นับแต่วันที่ 12 ส.ค.2557 ถึง 12 ส.ค.2562  มีหลักฐานเป็นหนังสือสัญญานักร้อง ลงลายเซ็นด้วยกันทั้งสองฝ่ายเมื่อวันที่ 12 ส.ค. 2557

แต่ปรากฎว่าหลังจากทำสัญญาไป 1 ปี ได้ทำเพลงออกไป 2 เพลง ลำไย ไหทองคำได้ไปร่วมงานกับนายประจักษ์ชัย และร่วมกันละเมิดลิขสิทธิ์ สิทธิของนักแสดง โดยไปเปิดการแสดงโชว์ เผยแพร่ภาพและเสียงต่อสาธารณชนซึ่งการแสดงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากตนที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ สิทธิของนักแสดง

เมื่อติดต่อสอบถามทั้งลำไยและผู้จัดการก็ไม่ให้ความสนใจ หาว่าสัญญาดังกล่าวเป็นเพียงแค่กระดาษแผ่นเดียวไม่มีความหมาย จึงมีความจำเป็นต้องพึ่งอำนาจศาลให้ได้รับความเป็นธรรม ทั้งตัวลำไยและผู้จัดการคู่นี้ร่วมกระทำถือว่าเป็นความผิดตามกฎหมาย ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83  พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 27,28,29,30 มาตรา 44,45 และมาตรา 52  จึงต้องฟ้องต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ขอให้ศาลออกหมายนัดและเรียก จำเลยมาพิจารณาลงโทษตามกฎหมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง รับคำฟ้องตรวจสอบความพร้อม ก่อนนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 13 พ.ย.2560

Cr. Siamdara

สำนักข่าววิหคนิวส์