ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #’มาร์ค พิทบูล’จวกอนาคตใหม่อยากฉีกรธน.ถามคนลงประชามติหรือยัง

#’มาร์ค พิทบูล’จวกอนาคตใหม่อยากฉีกรธน.ถามคนลงประชามติหรือยัง

2 June 2018
612   0

วันที่ 2 มิถุนายน นายณัชพล สุพัฒนะ หรือ “มาร์ค พิทบูล” ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้ออกมาให้ความเห็นถึงกรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ชูนโยบายอฉีกรัฐธรรมนูญ 2560 และ ยกเลิกคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่สร้างผลกระทบให้กับประชาชนทั้งหมดนับตั้งแต่มีการรัฐประหารเป็นต้นมาว่า ต้องอย่าลืมว่ารัฐธรรมนูญ 2560 ได้ผ่านการลงประชามติจากประชาชนทั่วประเทศ การออกเสียงประชามติ ก็เป็นการดำเนินการทางประชาธิปไตยรูปแบบหนึ่งที่ได้รับการยอมรับจากนานาอารยประเทศ ฉะนั้นแล้วเราก็ควรเดินตามกรอบรัฐธรรมนูญ 2560 ไปก่อนสักระยะจนถึงหลังเลือกตั้งดูว่ามีปัญหาตรงไหน ก็สามารถชี้แจงประชาชนให้ชัดเจนว่าตรงจุดไหนมีปัญหา ปัญหาคืออะไร ประชาชนก็สามารถสัมผัสถึงปัญหานั้นได้ ควรแก้จุดนั้นไม่ใช้เหมารวมทั้งหมดโดยไร้เหตุผลที่มีน้ำหนักประกอบ เหมือนเด็กเพิ่งหัดเดิน มาเล่นการเมือง แล้วอยากลอง

นายณัชพล กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญบางจุดสามารถทำได้ แต่ก็ต้องเดินตามกรอบกฎหมายที่ให้อำนาจไว้ เพราะประเทศไทยเป็นนิติรัฐ ถ้าจะรณรงค์ให้ฉีกรัฐธรรมนูญ 2560 ก็เปรียบเสมือนอยากจะให้ทหารออกมารัฐประหารอีกรอบหนึ่งหรือ ถึงจะฉีกหรือยกเลิกรัฐธรรมนูญ2560 ได้ตามอย่างใจคิด อีกมุมหนึ่งถ้ายังเดินเกมนี้ ฉีกหรือยกเลิก รธน2560 ต่อไป ลันแต่จะทำให้ประชาชนชาวไทย 65 ล้านคน ที่มีความเข้าใจในกฎหมายที่ไม่เท่ากันฟังข้อมูลไม่รอบด้าน อาจถูกชักจูงไปก็จะนำประเทศไปสู่ความขัดแย้งอีกครั้งหนึ่ง ผลสุดท้าย ประชาชนส่วนใหญ่ต้องมาบาดเจ็บล้มตาย ประเทศชาติก็จะเสียหายไปอีก การทำพรรคการเมืองเพื่อทำงานการเมือง ควรที่จะมุ่งเน้นแก้ปัญหาให้ประชาชนสามารถสัมผัสได้ แตะต้องได้ ควรมุ่งแก้ปัญหาให้ประชาชนมีชีวิตที่อยู่ดีกินดี มีรายได้ที่มากขึ้น

ส่วนการนิรโทษกรรมทางการเมือง ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคไทยศรีวิไลยกล่าวว่า ถ้าเป็นคดีการเมือง อาทิ เหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองของ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม) ปี 2549,2551-2552,การชุมนุมทางการเมืองของแนวร่วมประชาชนต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช) 2553, การชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยาม 2555, การชุมนุมทางการเมืองของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(กปปส) 2556-2557 ควรจะมีการออกเป็น พรบ.นิรโทษกรรมคดีทางการเมืองทั้งหมดเฉพาะคดีอาญาที่เกิดจากการชุมนุมทางการเมืองของทุกฝ่าย ส่วนคดีแพ่งยังต้องรับผิดชอบเหมือนเดิม และ คดีทุจริตที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติต่องบประมาณแผ่นดินเป็นวงกว้างยังต้องรับผิดชอบทางอาญา-แพ่งตามเดิม ควรจะต้องลงโทษหนักๆเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง จะบริหารประเทศชุ่ยๆไม่ได้

นายณัชพล ยังกล่าวถึงกรณีที่ พลตำรวจเอก เสรีพิสุทธิ์ เตมียเวส ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคเสรีรวมไทย เสนอความเห็นเรื่องการปฏิรูปกองทัพว่า “ถ้าผมมีอำนาจผมย้ายทหารออกนอกกรุงเทพทั้งหมด” หรืออีกแนวคิดหนึ่งคือ ป้องกันมิให้ทหาร ปฏิวัติ-รัฐประหารว่า อาจจะทำให้ประชาชนสับสน อาจจะทำให้ประชาชนรังเกียจทหารก็เป็นได้ คงเป็นความเห็นส่วนตัวซึ่งมองปัญหาไม่รอบด้าน ไม่พูดข้อมูลทั้ง 2 ด้าน เพราะ หน่วยทหารมีอยู่ทุกจังหวัด 77 จังหวัด ยามสงครามมีหน้าที่ป้องกันประเทศ ยามสงบมีหน้าที่ดูแลทุกสุขของประชาชนไม่ว่า จะเป็นน้ำท่วม-น้ำแล้ง-ภัยพิบัติเช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีประจำอยู่ทุกจังหวัดเช่นกัน โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ยิ่งจำเป็นต้องมีหน่วยทหารไว้ป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เพราะ ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร เป็นที่พำนักของบุคคลสำคัญๆของประเทศ รวมทั้งมีประชาชน และนักท่องเที่ยว ยิ่งจำเป็นจะต้อง มีทั้งทหาร ตำรวจ คอยดูแลความสงบเรียบร้อยในภาพรวม

“ถ้าไม่เกิดความขัดแย้งทางการเมืองอย่างหนัก ซึ่งมาจากสาเหตุการทุจริตคอร์รัปชั่นของรัฐบาลที่ผ่าน ประชาชน 2 ฝ่ายห้ำหั่นกัน ฆ่ากัน ถ้าไม่มีทหารมาอย่าศึกห้ามทัพ ยึดอำนาจ คงจะเกิดความเสียหายต่อชีวิตของประชาชนจำนวนมาก เศรษฐกิจจะแย่กว่าการบริหารประเทศที่ด้วยประสิทธิภาพเสียอีก ดังนั้น เพื่อเป็นการทำงานการเมืองแบบสร้างสรรค์ ควรจะต้องมีเหตุ มีผล อธิบายได้ แก้ปัญหาร่วมกันได้ ติติงได้ เพื่อเกิดการแก้ปัญหา จะเป็นสิ่งที่ควรเกิดในบ้านเมืองไทยเพื่อให้ประชาชนไทย ก้าวเข้าสู่ยุคชาวศรีวิไลย์โดยแท้จริง” นายณัชพล กล่าว

สำนักข่าววิหคนิวส์