25 ม.ค.61 นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีต ส.ว.และแกนนำกลุ่ม 40 ส.ว.กล่าวว่า ในฐานะเป็นคนหนี่งที่ร่วมเวทีปราศรัยของ กปปส.ตั้งแต่เวทีแรกที่สามเสน ต่อเนื่องไปถึงเวทีอื่นๆ ด้วยนั้น ขอแสดงความเห็นว่า ชนวนเหตุแห่งการชุมนุมที่สำคัญสุดคือรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และสมาชิกรัฐสภายุคนั้นสมคบกันออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม อย่างฉ้อฉล และลุกลามไปถึงกรณีจำนำข้าว กรณี พ.ร.บ.กู้เงินนอกงบประมาณแผ่นดิน 3 ล้านล้านบาท กรณีเมกะน้ำ 3.5 แสนล้านบาท รวมทั้งกรณีโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี อย่างไม่เป็นธรรม จนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้รัฐบาลดังกล่าวพ้นสภาพ ซึ่งในเวลาต่อมาก็ปรากฏความเป็นจริงตามที่ กปปส.ได้ตีแผ่ไว้ เช่น การทุจริตจำนำข้าว เป็นต้น
เสียงข้างมากที่ฉ้อฉลของสมาชิกรัฐสภาที่เป็นหนี่งเดียวกันกับรัฐบาลยุคนั้นทำให้สภาหมดสภาพที่จะแก้ไขปัญหาวิกฤตของชาติได้ การชุมนุมโดยสงบที่ปราศจากอาวุธอันเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญจึงเป็นความจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ตลอดเวลาการชุมนุมนานกว่า 6 เดือน ฝ่ายผู้ชุมนุมมีแต่พูดถึงชาติ ศาสน์ กษัตริย์ รัฐธรรมนูญ การปฏิรูปประเทศ เปิดโปงความไม่ชอบธรรมของภาครัฐ ไม่มีใครเลยที่คิดกบฏ ไม่มีใครสะสมอาวุธ ไม่มีใครตระเตรียมการเผาบ้านเผาเมือง ไม่มีใครสาดกระสุนปืน ระเบิด หรือแก๊สน้ำตา แต่ฝ่าย กปปส.และผู้ชุมนุมนั้นเองที่เป็นฝ่ายถูกกระทำต้องบาดเจ็บล้มตาย จนแม้แต่เด็กเล็กยังต้องเป็นเหยื่อความรุนแรงที่ กปปส.ไม่ได้เป็นคนก่อ คำพิพากษาศาลหลายครั้งในเวลาต่อมาล้วนตัดสินให้อีกฝ่ายหนึ่งต้องโทษจำคุกดังที่ประจักษ์กันแล้ว
อนึ่ง เมื่อมีผู้ร้องเรียนว่า กปปส.ชุมนุมโดยมิชอบ ปรากฏว่าทั้งศาลรัฐธรรมนูญ และศาลแพ่ง มีคำสั่งหลายครั้งให้ยกคำร้องนั้นเสีย เนื่องจากการชุมนุมของ กปปส.เป็นการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ
ทั้งนี้ ถ้าย้อนกลับไปพูดถึงสาเหตุของการรัฐประหารเมื่อ 22 พ.ค.57 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะ ผบ.ทบ.ในเวลานั้น ให้เหตุผลว่า “ประเทศชาติเกิดความแตกแยกและรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้” ไม่มีสักคำเดียวว่าเกิดกบฏใดๆ
“เพื่อยืนหยัดยืนยันความถูกต้องชอบธรรมของการชุมนุมประชาชนของ กปปส.ผมขอเป็นประชาชนอาสาคนหนึ่งที่จะเป็นพยานจำเลยให้กับคดีดังกล่าว” นายประสาร กล่าว
Cr:naewna
สำนักข่าววิหคนิวส์