ข่าวประจำวัน » #”บิ๊กตู่ !! โวยทำไมจะต้องมาเกลียดทหาร กดดันทหารปรับพ้นครม. ยัน “บิ๊กฉัตร” ไม่ใช่กล่อง ดวงใจ ผม

#”บิ๊กตู่ !! โวยทำไมจะต้องมาเกลียดทหาร กดดันทหารปรับพ้นครม. ยัน “บิ๊กฉัตร” ไม่ใช่กล่อง ดวงใจ ผม

7 November 2017
461   0

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช.ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า อยากให้ทุกคนสนใจในเรื่องเหล่านี้ว่าการปรับ ครม.ก็เป็นเพียงวิธีการหนึ่งที่จะบริหารงาน บริหารราชการในลักษณะทางการเมือง และข้าราชการการเมืองซึ่งวันนี้เราทำหน้าที่งานการเมืองตรงนี้อยู่

Wassana Nanuam – ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อเท็จจริงในกระแสข่าวที่จะมีการปรับโควต้ารัฐมนตรีที่มาจากทหาร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “คำถามที่ว่าจะลดโควต้ารัฐมนตรีที่มาจากทหาร ผมไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องมาเกลียดทหาร ผมไม่เข้าใจ ที่ผ่านมาในช่วงแรกๆ อยากถามว่าใครเป็นคนทำ ช่วงแรกที่ยังไม่มีพลเรือนไม่มีใครเข้ามาแล้วใครเป็นคนทำงาน
ระยะแรกกี่เดือน กี่ปี ก่อนที่จะมี ครม. ใครเขาทำ และเขาทำงานกันมาหรือไม่ ไม่รู้จะรังเกียจทหารอะไรกันนักหนา เขาก็ทำหน้าที่ ทำทุกอย่างเริ่มต้นไว้ให้แล้ว วันนี้ถ้าจำเป็นก็ปรับแค่นั้นเอง

“ยืนยันว่าไม่มีโควต้าอะไรทั้งสิ้น ไม่มีคำว่าโควต้าทหาร ตำรวจ พลเรือน อย่าไปวิพากษ์วิจารณ์ เอาคนนั้นคนนี้เข้ามา จะเอาผบ.ตร.บ้าง คนนั้นบ้าง คนนี้บ้าง ไปคิดอะไรกันนักหนา ผมคงไม่ใช้วิธีการนั้นในการปรับครม. รัฐบาล คสช. 

ผมมีหน้าที่ในการดำเนินการไปตามเจตนารมย์ของ คสช. ในการเข้ามาตั้งแต่ปี 2557 ว่าเราจะต้องทำอย่างไรให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อย มีความมั่นคงมีเสถียรภาพ ทั้งการเมือง และความมั่นคง นำไปสู่การแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะประชาชนผู้มีรายได้น้อย เกษตรกร ซึ่งเราได้ทำทุกอย่างมาอย่างต่อเนื่องแต่สิ่งที่ทำวันนี้อาจจะไม่ตรง และไม่เหมือนที่ผ่านมา หลายครั้งที่ผ่านมาจะเห็นว่าการปรับเปลี่ยน ครม. ก็ไม่ได้ยั่งยืนอะไร
วันนี้เราเข้ามาทำโครงสร้างโดยใช้งบประมาณ 2 ส่วน คือส่วนหนึ่งนำไปปรับโครงสร้าง รวมกลุ่มสร้างห่วงโซ่ใหม่ขึ้นมาซึ่งไม่เคยมีการทำมาก่อน ผมยืนยัน เพราะฉะนั้นงบประมาณที่จะนำไปดูแลไปให้ถึงประชาชนจึงต้องลดลง น้อยกว่าฝ่ายการเมืองที่ทำมา สังคมจึงเกิดความไม่เข้าใจ กลายเป็นว่ารัฐบาลนี้ไม่ดูแลประชาชนโดยเฉพาะคนยากจน เพราะถ้าดูแลแบบเดิมสนับสนุนเงินเพียงอย่างเดียวก็จะไม่สร้างความเข้มแข็ง ไม่เกิดความยั่งยืน
เพราะฉะนั้นการปรับเปลี่ยนของรัฐบาลชุดนี้ก็จะขึ้นอยู่ที่ผลงาน ซึ่งยืนยันว่าทุกคนไม่มีข้อบกพร่อง แต่อาจจะไม่ถูกใจทั้งหมด วันนี้ประเทศไทยต้องเอาเหตุผล เอาหลักการทางความคิดมาพูด สื่อก็ต้องช่วยสร้างความเข้าใจ เพราะสื่อต่างก็รู้ดีว่าวันนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร
การปรับครม. ยืนยันว่าจะทำให้ดีที่สุด ทำอย่างไรให้การปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์เดินหน้าต่อไปได้ ถือเป็นปัจจัยที่ทำให้ตนคิดว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไปในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการปรับครม. การปลดล็อคพรรคการเมือง และเรื่องอื่น ๆ ขอร้องว่าอย่าให้เกิดความวุ่นวายขึ้นอีก
ในส่วนการทำงานบางครั้ง อาจมีการกล่าวว่าพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นกล่องดวงใจของนายกฯ

“ยืนยันว่ากล่องดวงใจผมมีเพียงครอบครัวของผม นอกนั้นคือเพื่อน เพื่อนร่วมงาน ก็เป็นธรรมดาทุกคนก็มีเพื่อน ทุกคนก็มีด้วยกันทั้งนั้น แต่ก็ต้องมีลิมิต มีการขีดเส้นของผมว่าจะวางตัวอย่างไรกับเพื่อน กับผู้ร่วมงาน

รัฐมนตรี ซึ่งที่ผ่านมาบอกมาตลอดว่างานก็คืองาน ส่วนตัวก็คือส่วนตัว ผมไม่เคยเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับงาน ดังนั้นก็ต้องไปดูว่าผลงานที่เขาทำมามีอะไรบ้าง ทั้งในด้านการสร้างความเข้มแข็ง การดูแลประชาชน เพราะฉะนั้นใครเข้ามาเป็น รมว.เกษตรฯ ก็โดยทุกที แม้กระทั่งนักการเมือง เข้ามานั่งที่กระทรวงเกษตรฯ ก็ถูกจับตาทุกครั้งไป แต่ถ้าให้เงินกับประชาชนเต็มที่จะผิดหรือถูกก็ไม่ว่า มักจะได้รับคำชม ผมไม่เข้าใจว่าสังคมเป็นอะไรกัน

แต่ผมไม่โมโหสื่อ ต้องทำความเข้าใจให้มากขึ้น ขอร้องว่าอย่าใช้คำว่ากล่องดวงใจ เป็นกล่องเงินของผม ไม่มี ผมทำของผมเองได้”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับหลักเกณฑ์ในการปรับ ครม. นั้น ตนยึดในเรื่องของความเหมาะสมของสถานการณ์ ทำให้เกิดการปฏิรูป เดินหน้ายุทธศาสตร์ไปให้ได้ ไม่เช่นนั้นทุกคนจะบอกว่าทุกอย่างที่ทำมามันเสียของ เป็นสิ่งที่ตนคิดอยู่เสมอว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เสียของ ทำอย่างไรงานด้านโครงสร้างจะต่อเนื่อง ทำอย่างไรการช่วยเหลือประชาชนจะได้มากขึ้น มีการจับกลุ่ม จัดประเภทให้เกิดความชัดเจน มีงบประมาณ และใช้งบประมาณอย่างถูกต้อง จะเห็นได้ว่ารัฐบาลชุดนี้มีการปรับเปลี่ยนแก้ไขการใช้งบประมาณทั้งหมด เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น ขอร้องว่าอย่าเอามาพัวพันกับการทุจริต เรื่องการทุจริตก็ต้องไปสอบสวน ติดตามอย่าไปเอาข่าวในโซเชียลมีเดียมาพูดกันจะเป็นตุเป็นตะ ตนไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น
“การปรับ ครม. ผมไม่ถือว่าใครบกพร่อง ผมปรับให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ผมก็รับฟังเสียงของประชาชนด้วย แต่ผมยืนยันว่า ไม่ได้ปรับเพราะเชื่อไปตามโซเชียลมีเดีย แต่สังคมไทยต้องยอมรับว่าเป็นแบบนี้ก็ลองดูก็แล้วกันว่าปรับแล้วมันจะดีขึ้นหรือไม่ ถ้ามันไม่ดีขึ้นก็แสดงว่าไม่ได้อยู่ที่คน อยู่ที่ระบบ ซึ่งเราต้องแก้ไขระบบที่มันผิดเพี้ยน ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมายาวนาน ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่าย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

สำนักข่าววิหคนิวส์