เรื่องฮอต ประเด็นฮิต » #ทัวร์ลงเยาวชนปลดแอก ! หลังปลุกละเมิดกฎ อ้างละเมิดสิทธิมุษยชน

#ทัวร์ลงเยาวชนปลดแอก ! หลังปลุกละเมิดกฎ อ้างละเมิดสิทธิมุษยชน

18 June 2023
341   0

 

 

เพจเยาวชนปลดแอก ได้โพสต์ข้อความระบุว่า

กาก้าวไกล อุดมการณ์ใดก้าวตาม?

ในกรณีของหยก มีคำพูดหนึ่งที่หลายคนยกขึ้นมาว่า “เรากาก้าวไกลนะ แต่พี่ว่าน้องเยอะไปอ่ะ โรงเรียนเขามีกฏของเค้ามั้ย มีกฏก็ต้องทำตามสิ กลับไปใส่ชุดนักเรียน ย้อมผมกลับไปเป็นสีเดิมเถอะ” คำพูดลักษณะนี้อาจไม่น่าแปลกใจนักหากมาจากฝั่งที่เลือกพรรคสืบทอดอำนาจเผด็จการทหาร แต่เมื่อมาจากผู้ที่เอ่ยตัวว่าเลือกพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคมีนโยบายลดอำนาจนิยมและไม่ให้มีกฏที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนในโรงเรียนเช่นการไม่ให้มีการบังคับทรงผม คำถามต่อไปอันน่ากระอักกระอ่วนใจที่ทุกคนอาจต้องคำนึงถึงคือ เราจะรณรงค์อย่างไรได้หากเราไม่ปฏิเสธสิ่งนั้น? เช่นในกรณีนี้หากยกตัวอย่างเป็นเรื่องการรณรงค์ยกเลิกเครื่องแบบนักเรียน การไม่ใส่เครื่องแบบนักเรียนต่อไปเพื่อรณรงค์ยกเลิกเครื่องแบบนักเรียน เป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำดังที่หลายคนพูดจริงหรือ?

หากย้อนกลับไปในยุคสมัยที่มีการต่อต้านและเหยียดคนผิวดำอย่างรุนแรงในสหรัฐอเมริกา หากคุณเป็นคนผิวดำ คุณไม่แม้แต่จะสามารถเข้าห้องน้ำของคนผิวขาวที่มีอยู่จำนวนมากกว่าห้องน้ำของคนผิวดำได้ จากภาพยนต์เรื่อง Hidden figures ที่นักคณิตศาสตร์ผู้หญิงผิวดำเพียงคนเดียวในห้องปฏิบัติการคำนวนของ NASA ชื่อ Katherine Johnson ผู้ซึ่งอยู่เบื้องหลังความสำเร็จในการคำนวนวงโคจรในโครงการของ NASA หลาย ๆ โครงการที่ไม่มีใครคำนวนได้

เธอต้องเสียเวลาจำนวนมากในการวิ่งไปปัสสาวะที่ห้องน้ำของคนผิวดำที่อยู่ห่างไกลอีกตึกหนึ่ง จนวันหนึ่งหัวหน้าของเธอบ่นว่าทำไมเธอถึงหายไปวันละหลายครั้ง เธอทนไม่ไหวและวิพากษ์วิจารณ์ความอยุติธรรมนี้อย่างรุนแรงกลางห้องทำงาน แต่โชคดีที่หัวหน้าของเธอซึ่งเป็นผู้ชายผิวขาวไม่ได้บอกกับเธอว่า “NASA ของเรามีกฏ เคารพสถานที่หน่อย พี่ว่าน้องเยอะเกินไป กลับไปเข้าห้องน้ำคนผิวดำเถอะ” แทนที่เขาจะพูดอย่างนั้น เขากลับนำค้อนไปทุบป้ายที่ระบุว่าเป็นห้องน้ำเฉพาะคนผิวขาวออกเสีย เพื่อให้ทุกคนเข้าห้องน้ำได้อย่างเท่าเทียมโดยไม่มีการแบ่งสีผิวอีกต่อไป

และรวมถึงเรื่องราวของผู้หญิงผิวดำคนหนึ่งที่ชื่อ Rosa Parks ผู้ซึ่งปฏิเสธการลุกขึ้นจากที่นั่งบนรถเมล์ให้กับคนผิวขาวตามกฏหมายที่เป็นการเลือกปฏิบัติต่อสีผิว แม้ในวันนั้นเธอจะถูกปรับจากการปฏิบัติผิดกฏหมายอันอยุติธรรม แต่เธอได้จุดประกายไฟในการลุกมาขึ้นมาประท้วงต่อต้านของคนผิวดำ ต่อการเลือกปฏิบัติที่เลวร้าย ที่ลึกมาถึงแม้กระทั่งเรื่องที่นั่งบนรถเมล์

ทั้งหมดนี้เองจึงเป็นคำถามไปยังสังคมไทย ณ เวลานี้ว่า การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างใด เป็นไปได้หรือว่าการพับเพียบเรียบร้อย ยอมรับกฏอันละเมิดสิทธิมนุษยชนจะนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง ซึ่งยังไม่นับรวมกรณีที่ทำให้เด็กต้องหลุดจากระบบการศึกษา เพียงเพราะไม่มีบิดามารดาที่แท้จริงมามอบตัวเพื่อเข้าเรียนกับโรงเรียน?

เราอาจต้องยกคำพูดของคุณเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ผู้ซึ่งเคยต่อสู้กับเรื่องอำนาจนิยมในโรงเรียน เครื่องแบบนักเรียนและการบังคับทรงผมมาเป็นเวลากว่าสิบปี ความว่า

“พอมาคิดถึงกรณี #หยก และน้องคนอื่นที่สู้ในยุคนี้ต้องเจอ ไม่แค่เจอการตีตรา แต่เจอคดีความต่างๆด้วย ความรู้สึกภายใน ความกดดันที่เจอคงสาหัสกว่าผมมากมายนัก ควรแล้วที่ผมต้องสนับสนุนพวกเขา เป็นกำลังใจและไม่ด่วนตัดสินชี้โทษ ผมไม่ควรโตไปเป็นคนแบบตอนนั้นที่เอาแต่เพ่งโทษผม (และเพื่อนๆ) แต่ควรเหมือนผู้ใหญ่จำนวนน้อยที่โอบอุ้มเข้าใจให้โอกาส ขอให้เราเป็นส่วนหนึ่งเปิดพื้นที่ใจแก่เมล็ดพันธุ์ใหม่ให้ได้งอกงาม”
ที่มา: Netiwit Ntw Facebook Fanpage

การที่หลายคนพูดว่า “เราควรยอมรับกฏที่ไม่สมเหตุสมผลเหล่านี้ไปก่อน” จะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้จริงหรือ หากเราไม่ลุกขึ้นมาปฏิเสธมัน? เราควรจะต้องก้มหน้ายอมรับมันต่อไปเพียงเพราะว่านี่เป็นกฏละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ละเมิดมาช้านานอย่างนั้นจริง ๆ หรือ? เหล่านี้เป็นคำถามที่สังคมไทยอาจต้องทบทวนกันอีกครั้ง หากคาดหวังให้ระบอบประชาธิปไตย ที่ยึดมั่นในหลักการสิทธิมนุษยชน และความเจริญก้าวหน้าทางสังคมเกิดขึ้นจริงในประเทศไทย


#เยาวชนปลดแอก