ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #ทนายบุกจี้ !!  เอาผิดคดีฟอกเงินกรุงไทยทุกคน พบกว่า200คนเอี่ยว

#ทนายบุกจี้ !!  เอาผิดคดีฟอกเงินกรุงไทยทุกคน พบกว่า200คนเอี่ยว

22 September 2017
917   0

          ทนายจี้อัยการเอาผิดฟอกเงินกรุงไทยครบทุกคน ไม่เลือกปฏิบัติ “ชัยณรงค์-อุตตม”ร่วมกับ5กรรมการที่ศาลฎีกานักการเมืองเคยมีคำพิพากษา

          แนวหน้า – นายวันชัย บุญนาค ทนายความและนักวิชาการด้านกฎหมาย เดินทางมายื่นหนังสือต่ออัยการสูงสุด เพื่อขอให้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิดคดีฟอกเงินธนาคารกรุงไทยโดยไม่เลือกปฏิบัติ โดยมีนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้รับหนังสือ
          หนังสือระบุใจความสรุปว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับคดีนี้เป็นคดีพิเศษที่ 36/2550 ตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค.2550 โดยกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทยฯที่อนุมัติสินเชื่อทั้ง 5 คน จะต้องเป็นผู้ต้องหาในคดีแล้ว ถ้าดีเอสไอจะขยายผลต้องทำสำนวนคดีนี้ให้ครบทุกคนที่รับเงินไป  ต่อมาวันที่ 26 ส.ค.2558 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาว่ากรรมการบริหารที่ลงนามอนุมัติสินเชื่อมีความผิดและถูกจำคุกไป 3 คน

          ส่วนอีก 2 คน คือนายชัยณรงค์ อินทรมีทรัพย์ และนายอุตตม สาวนายน (รมว.อุตสาหกรรม คนปัจจุบัน) กลับไม่ถูกฟ้อง ดำเนินคดี
         โดยตนเห็นว่าไม่มีกฎหมายยกเว้นว่า ไม่ผิดฐานฟอกเงิน ดังนั้นดีเอสไอ.ต้องทำการสอบสวนกรรมการทั้งหมด อีกทั้งในคดี 36/2550ที่ถึงเเม้ศาลฎีกาจะมีคำพิพากษาไปเเล้ว เเต่ก็ไม่ใช่ว่าคดีระงับหรือคดีจบแล้วเนื่องจากยังไม่มีการดำเนินคดีครบทุกคนเเละคดีดังกล่าวก็ยังไม่ขาดอายุความ

         ในครั้งนั้นเเม้พนักงานสอบสวนมีคำสั่งเห็นควรฟ้องหรือไม่ฟ้องไปในสำนวนที่สรุปมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา 13 คน ส่งพนักงานอัยการไปแล้วนั้น แต่ทราบว่าดีเอสไอไม่ได้ทำคำสั่งทางคดีกับกรรมการอนุมัติสินเชื่อให้ครบทั้ง 5 คน ของธนาคารกรุงไทยฯทั้งหมด
          หนังสือระบุต่อไปว่า ดีเอสไอจะต้องเรียกตัวผู้อนุมัติสินเชื่อทั้งหมดที่ให้เงินปล่อยกู้ที่ผิดกฎหมายนำไปสู่การฟอกเงินมาสอบสวนดำเนินคดีทั้งหมด และต้องทำความเห็นทางคดีว่า เห็นควรสั่งฟ้องหรือไม่สั่งฟ้องส่งให้อัยการพิจารณาคดีตามกฎหมาย แต่ปรากฏว่าดีเอสไอไม่ทำตามขั้นตอนนี้ ส่อว่าช่วยเหลือนายชัยณรงค์และนายอุตตมให้ไม่ถูกดำเนินคดีฟอกเงิน
          แต่ดีเอสไอเองกลับไปตั้งคดีฟอกเงินกับกลุ่มคนที่ไม่ใช่การรับเงินหรือรับเช็คธนาคารกรุงไทย ฯหรือรับเงินจากบัญชีธนาคารกรุงเทพ ที่ทำการกระจายเงิน โดยแยกสำนวนคดีพิเศษที่ 25/2560
          ทั้งๆ ที่ความจริงเเล้วดีเอสไอจะต้องทำการสอบสวนรวบรวมว่าธนาคารกรุงเทพ รับเงินไปเท่าใด ใครบ้างที่รับเงินทั้ง 9,900 ล้านบาท ไม่ควรแยกสำนวนคดี คดีนี้จะฟ้องใครฟอกเงินหรือไม่ต้องจบที่พนักงานอัยการ จึงมาร้องเรียนต่ออัยการสูงสุดให้พิจารณาดำเนินคดีกับทุกคนที่รับเงินปล่อยกู้ผิดกฎหมายทั้งธนาคารกรุงเทพ บุคคล และนิติบุคคล อย่างไม่เลือกปฏิบัติ
         ขณะที่นายประยุทธ กล่าวว่า จะนำเรียนต่ออัยการสูงสุด หากสำนวนอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการจะได้ส่งเรื่องไปรวมเพื่อประกอบการพิจารณาโดยเร็ว หรือถ้าต้นเรื่องมีการส่งจากดีเอสไอมายังพนักงานอัยการแล้วคงจะส่งไปรวมประกอบการพิจารณาต่อไป

สำนักข่าววิหคนิวส์