วันนี้ ในเวทีเสวนาออนไลน์ “รวมพลังผู้บริโภค สะท้อนปัญหาน้ำมันราคาแพง” ได้เสนอข้อมูลว่ารัฐบาลสามารถลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันได้ 5 บาทต่อลิตร และคุมราคาดีเซลที่ 25 บาทเป็นเวลา 1 ปี เพื่อให้ประชาชนที่ประสบวิกฤตจากโควิด และถูกซ้ำเติมด้วยน้ำท่วม ต้องการให้รัฐบาลดูแลราคาสินค้าอุปโภค บริโภค ลดความเดือดร้อนของประชาชนทั่วประเทศ
โดยที่ราคาน้ำมันเป็นต้นทุนทางตรงของภาคการผลิต การเก็บภาษีควรจะเก็บพอประมาณเพื่อให้ภาคการผลิตสามารถผลิตสินค้าแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้ และรัฐบาลควรไปเก็บภาษีจากกำไร จากกำไรของนิติบุคคล และรายได้บุคคลมากกว่าจะเก็บภาษีสูงมากจากต้นทุนการผลิต
ใน 7 ปี(2557-2564) ของรัฐบาลพล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันจากประชาชน รวมแล้วมากกว่า 1.2 ล้านล้านบาท ซึ่งมากกว่าทุกรัฐบาลในอดีตทั้งนี้ยังไม่รวมภาษีแวต และภาษีเทศบาล ยังไม่รวมที่เก็บกองทุนน้ำมัน และกองทุนอนุรักษ์พลังงาน ในยามที่ประชาชนเดือดร้อน จึงขอให้รัฐบาลลดการเก็บภาษีน้ำมันลงไป 5 บาท โดยยังได้ภาษี ที่ 1-1.50 บาทต่อลิตร
เครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงาน (คปพ) และกลุ่มผีเสื้อกระพือปีกเชิญชวนประชาชนที่เดือดร้อนจากราคาน้ำมันแพง ค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้น จากราคาสินค้าอุปโภค บริโภคราคาสูงขึ้นมาก มาร่วมทำกิจกรรมส่งเสียงให้รัฐบาลรับรู้ในวันอาทิตย์ที่ 7 พ.ย. 2564 เวลา 10.00 – 12.00 น. เชิญผู้บริโภคร่วมกิจกรรม “คาร์พาวเวอร์ ติดริบบิ้นเขียว ต้านน้ำมันแพง” โดยนัดรวมตัวกันที่ป้ายรถเมล์ หน้ากระทรวงพลังงาน ถนนวิภาวดีรังสิต ตรงข้ามเซนทรัลลาดพร้าว รับแจกสติกเกอร์ และริบบิ้นเขียวติดรถ และทำกิจกรรมขับรถไปตามเส้นทางที่กำหนด ใช้เวลารวมทั้งสิ้น 2 ชั่วโมง
⭐⭐⭐
ปัญญาของรัฐมีเพียงแค่
1 กพช.ลดส่งกองทุนอนุรักษ์ตั้ง 5 สตางค์
2. เพิ่มกู้กองทุนน้ำมัน 4 หมื่นล้าน
แบบนี้เด็กป.3 ก็เป็นรมต.พลังงานได้เนอะมีวิธีการเยอะแยะที่จะทำให้น้ำมันราคาถูกลงแต่รัฐฯไม่ทำ เพราะว่าคงมีผลประโยชน์ร่วมกันกับพ่อค้าน้ำมัน พวกมันสบายแต่ประชาชนจะตาย “ท่านรสนาสู้ๆๆ” ถึงแม้จะสู้ยากก็ต้องสู้นะครับ ท่าน
………….
รสนา โตสิตระกูล
5 พ.ย 2564