ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #การบริหารในสถานการณ์วิกฤติ ! ดร.เทอดศักดิ์ ชี้แนวทางแก้ระลอกใหม่

#การบริหารในสถานการณ์วิกฤติ ! ดร.เทอดศักดิ์ ชี้แนวทางแก้ระลอกใหม่

4 January 2021
851   0

ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์ การเมือง การปกครอง ได้โพสข้อความระบุว่า

การบริหารในสถานการณ์วิกฤติ

การที่ไทยเป็นอันดับหนึ่งของโลก ในการควบคุมการแพร่โรคระบาดโควิด-19 ที่เกิดการแพร่ระบาดอย่างหนัก มีคนล้มตายกว่า 1.8 ล้านคน มีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 85 ล้านคน และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอย่างหนัก โดยมีสาเหตุมาจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป ที่กำลังล่มสลายทางเศรษฐกิจตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา โดยมีสาเหตุจากการพิมพ์พันธบัตร โดยมินำทองไปค้ำประกันหลายต่อหลายครั้งติดต่อกัน

การเดินยุทธศาสตร์ชาตินิยม โดยมีวาทกรรม “อเมริกันต้องมาก่อน” เปิด 3 ยุทธการ สงครามไวรัส สงครามการค้าและสงครามอาวุธ ทำให้เกิดสงครามในตะวันออกกลางและแอฟริกาอย่างต่อเนื่อง เกิดการกีดกันทางการค้า ยกเลิกสิทธิพิเศษทางการค้า GSP และเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ระบาดไปทุกภูมิภาคของโลก

ทำให้การขายอาวุธ กำไรจากการกีดกันทางการค้า และการขายวัคซีน จึงเกิดขึ้นขนาดใหญ่อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ที่ประเทศที่ได้รับประโยชน์สูงสุดอยู่ในสหภาพยุโรป โดยก่อนจะเกิดการระบาดใหญ่ใน อู่ฮั่น ประเทศจีน พบการแพร่ระบาดในสหรัฐ ฝรั่งเศส ก่อนตามลำดับ จึงมิต้องแปลกใจที่ สหรัฐ อังกฤษ จึงมีวัคซีนก่อนล่วงหน้าประเทศอื่นๆเพราะมี ตัวเชื้อโรคก่อนล่วงหน้า 1-2ปี จนสามารถค้นคว้ามาครบ 4 เฟส จนสามารถนำวัคซีนมาจำหน่ายได้ในที่สุด

ไทยที่ได้รับการยกย่องจากองค์การอนามัยโลก WHO เพราะใช้หลักการบริหารในสถานการณ์วิกฤติ ที่ผู้นำโลกน้อยคนจะได้ศึกษาอย่างลึกซึ้งและนำมาใช้ได้จริง ทำให้ชาติอื่นๆเกิดการแพร่ระบาดอย่างหนัก ที่ส่วนใหญ่จะใช้หลักคิดของหมอเข้ามาบริหารจัดการประเทศ อันเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ ที่ผู้วางยุทธการสงครามไวรัส ต้องการจะให้เกิด การแพร่ระบาดจึงเกิดขึ้นอย่างหนัก

หลักการบริหารในไทยที่ประสบความสำเร็จ ใช้ชื่อยุทธการ “ไวรัสพินาศ ประชาชนพ้นภัย” ที่มีหลัก ป้องปราม-เยียวยา-ฟื้นฟู ในเฟสแรก เก็บเกี่ยว(เลือกตั้งท้องถิ่น)-พัฒนาเศรษฐกิจ-ปฏิรูปประเทศ ในเฟสสอง ซึ่งสามารถทำสำเร็จเป็นอย่างดีในการแพร่ระบาดในระลอกแรก จนได้รับการยกย่องจาก องค์การอนามัยโลกและมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ให้เป็นประเทศที่บริหารจัดการได้ดีที่สุดของโลก

การระบาดในระลอกใหม่นั้น มีต้นเหตุสำคัญมาจากเทศกาลปีใหม่ ที่เกิดการเฉลิมฉลองครั้งใหญ่ช่วงท้ายปี ทั้งคริสต์มาส และเคาท์ดาวน์ อันเป็นการรวมตัวของคนหมู่มากในการเฉลิมฉลอง ทั่วโลกจึงเกิดการแพร่ระบาดอย่างหนัก เฉพาะในสหรัฐวันเดียวมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นถึง 2.5แสนราย มากที่สุดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแม้จะเริ่มมีการแจกจ่ายวัคซีนให้อเมริกันชนแล้วก็ตาม

ในไทยที่แพร่ระบาดระลอกสองมาจาก คนไทยลักลอบไปทำงานยังพม่าเพื่อจะเดินทางกลับมาฉลองปีใหม่ในไทย การมั่วสุมเล่นการพนัน ช่วงเทศกาล แรงงานต่างด้าวที่กลับบ้าน หลบหนีเข้ามายังไทย เพราะต้องการได้ค่าจ้างแรงงานช่วงเทศกาล ที่จะมีการว่าจ้างแรงงานมากขึ้น จึงจำเป็นต้องยุติการจัดเฉลิมฉลอง หรือเลื่อนเป็นการชั่วคราว

ในการบริหารในระลอกใหม่นั้น จะต้องใช้หลักการบริหารเชิงยุทธศิลป์ การ”ป้องปราม” ไม่จำเป็นต้องล็อคดาวน์ หรือเคอร์ฟิวส์ประเทศในทันที ให้ยึดหลักการยกระดับการปิดจุดแพร่ระบาด เป็น จุด หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด ประเทศตามลำดับ มุ่งเป้าไปที่การแพร่ระบาด สถานบันเทิง สถานบริการ โรงเรียน ฯลฯ ให้ใช้หลักเดิมที่เคยทำมาแล้วในระยะแรก เช่น ปิดชั่วคราว เปิดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ เป็นต้น

เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นก็ลดระดับลงตามสถานการณ์ เพื่อให้ประชาชนสามารถอยู่อาศัย ประกอบสัมมาอาชีพได้ตามปกติสุขได้เร็วที่สุด การยึดแบ่งสี จังหวัด ระดับการบริหารนั้นสามารถทำได้ เพื่อง่ายแก่การเข้าใจของประชาชน เพื่อระวังป้องกัน ตามหลักที่เคยปฏิบัติมาแล้วในเฟสแรก

การเยียวยา นั้น ควรกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการขยายโครงการคนละครึ่งต่อไป ด้วยจำนวนเดิมหรือ เพิ่มจำนวนเงินเยียวยา ควบคู่การฟื้นฟูในเวลาเดียวกัน แล้วให้ทางประกันสังคม รับเรื่องการเยียวยาต่อธุรกิจ ห้างร้าน บริษัทที่ได้รับผลกระทบ เหมือนเคยทำมาในเฟสแรก ที่ยึดการเยียวยาจากอัตราเงินเดือน ตามหลักเกณฑ์ของประกันสังคม

การเยียวยา สามารถทำได้ในสองลักษณะ คือ ออกพรก.เงินกู้ และออกพรก.โยกงบประมาณ ที่ใช้ในการพัฒนาประเทศ ใช้ในการเยียวยา โดยผ่านสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา เหมือนที่เคยทำมาในครั้งแรก

การสร้างรายได้ เข้าประเทศเพื่อจ่ายชดเชยจากการกู้ยืมนั้น มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวด ทั้ง การออกพันธบัตรช่วยชาติ การทำสลากกินแบ่งช่วยชาติ การออกสลากล็อตโต้ (หวยใต้ดิน) การเปิดคาสิโน การพนันออนไลน์ ให้ถูกกฎหมาย เพื่อนำมาเป็นรายได้หลักในการใช้หนี้จากการกู้ยืมเยียวยา การซื้อวัคซีนแจกจ่ายประชาชนทุกคน 76 ล้านคนฟรี รักษาพยาบาลฟรีแก่ผู้เจ็บป่วยจากโควิด-19

เพราะจากสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ การจัดเก็บภาษีจะได้น้อยลง จึงจำเป็นต้องทำสิ่งที่ผิดกฎหมายมาเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย เก็บภาษีเข้ารัฐ อย่างถูกต้อง สร้างรายได้ใหม่เข้าประเทศ ซึ่งหากเร่งดำเนินการจะใช้เวลาปลดหนี้ไม่เกิน 6 ปี

จากสถานการณ์วิกฤติ จะส่งผลกระทบต่อ เศรษฐกิจ สังคม และ การเมือง เมื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สู่กระบวนการฟื้นฟูแล้ว ทางสังคมต้องทำความเข้าใจอธิบายเงื่อนไขภาคการปฎิบัติให้ประชาชนเกิดความเข้าใจ ภาคการเมืองนั้น จะเกิดการชุมนุมต่อต้าน อ้างเรื่องเศรษฐกิจ เหมือนในหลายประเทศกำลังเผชิญ จนเกิดการจราจล การก่อการร้าย

จึงต้องยกระดับความเข้มข้น ป้องกันการแพร่ระบาด ความสับสนอลหม่าน ด้วยการยกเลิกการจับแล้วปล่อย ให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มรูปแบบ ตามหลักนิติรัฐ คง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ควบคู่ พ.ร.บ.ควบคุมโรค โดยไม่ต้องเคอร์ฟิวส์ ล๊อคดาว์ทั้งประเทศในทันที ให้ออกแถลงการณ์เป็นระยะๆ การใช้คำพูดภาษาวาจา ของผู้นำในระหว่างนี้จึงต้องระมัดระวังเป็นอย่างมากกับสื่อมวลชน เพราะจะเกิดผลกระทบแรงในยามสถานการณ์วิกฤติ

สิ่งที่ต้องห้ามคือ การที่คณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่เพื่อหวังสร้างความเชื่อมั่น อันเป็นหลักการบริหารในสถานการณ์ปกติ ที่จะนำมาใช้ในสถานการณ์วิกฤติมิได้ เพราะหากติดเชื้อจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อคนทั้งประเทศ และยังส่งผลต่อภาพลักษณ์ การลงทุน การท่องเที่ยว ที่จะมีการแห่เข้ามาหลังสถานการณ์ปกติ จะมีผลกระทบในระยะกลาง และระยะยาว

ในเชิงสถิติแล้ว การระบาดระลอกใหม่จะมาทั้งภัยธรรมชาติ ภัยการเมือง การบาดเจ็บล้มตายของคนจำนวนมาก คนมีชื่อเสียง การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จะเกิดขึ้น หลัง 13,19,20,25 ธันวาคม 2563 นั้นหมายถึงการแพร่ระบาดระลอกใหม่จะมีคนติดเชื้อ เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 4 เท่าตัว จากการเฉลิมฉลองคริสต์มาส ปีใหม่ แล้วจะมีตัวเลขสูงสุดราว 14 ม.ค. แล้วจะเริ่มลดลงตามลำดับภายใน ปลาย ม.ค.

หากแม่นยำในยุทธศาสตร์ ไทยจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ภายใน ก.พ. ในช่วงเวลาที่ วัคซีนจะเริ่มเข้ามาสู่ประเทศไทย จะสามารถฉีดให้กับบุคลากรที่มีความเสี่ยงได้ทันที ทำให้สถานการณ์จะเริ่มปกติ ความเชื่อมั่นก็จะกลับคืนมา การลงทุน การค้า การท่องเที่ยวก็จะพุ่งสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งจากนอกและในประเทศ ด้วยความปรารถนาดี เราจะชนะไปด้วยกันอีกครั้ง

“ จงคำนึงเสมอไทยเป็นที่หนึ่งของโลกได้ เพราะหลักคิดการบริหารในสถานการณ์วิกฤติของคนไทย มิใช่หลักคิดหมอ หรือ หลักคิดของฝรั่ง ทุกวิกฤติย่อมมีโอกาสซ่อนเร้นกายอยู่เสมอ “

ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา
4 มกราคม 2564
(โควิด-19ระบาดระลอกใหม่)