เรื่องฮอต ประเด็นฮิต » #กักตุนซากสุกรในห้องเย็น ! ปศุสัตว์และตำรวจตรวจสอบ ห้องเย็นแห่งหนึ่ง มีเนื้อสุกรแช่แข็งจัดเก็บแจ้งกรมการค้าภายใน 929 ตัน

#กักตุนซากสุกรในห้องเย็น ! ปศุสัตว์และตำรวจตรวจสอบ ห้องเย็นแห่งหนึ่ง มีเนื้อสุกรแช่แข็งจัดเก็บแจ้งกรมการค้าภายใน 929 ตัน

22 January 2022
409   0

 

ห้องเย็นแห่งหนึ่ง มีเนื้อสุกรแช่แข็งจัดเก็บแจ้งกรมการค้าภายใน 929 ตัน ‘แต่ไม่พบการออกเอกสารเคลื่อนย้ายเนื้อสุกรออกจากห้องเย็น ปลายทางนครปฐมและราชบุรี 400 ตัน’ ซึ่งได้มีการเคลื่อนย้ายเนื้อสุกรไปแล้ว โดยเป็นเนื้อสุกรที่รับฝากมาจากบริษัทแห่งหนึ่งย่านราชบุรี นครปฐม ปทุมธานี กรุงเทพฯ และจากแหล่งอื่นๆ

นอกจากนี้ ยังพบว่าในส่วนที่ยังไม่ได้เเจ้งกับกรมการค้าภายใน ตรวจสอบพบอีก 234 ตัน เป็นของบริษัท A แห่งหนึ่งจากราชบุรีที่นำมาฝากเมื่อเดือน กันยายน-พฤศจิกายน 2564 โดยบริษัทดังกล่าวยังไม่เคยเบิกสินค้าออกแต่อย่างใด สินค้าที่ฝากเก็บมีการระบุชื่อสินค้าเป็น “สันนอกติดปีก” ทำให้ห้องเย็นจัดเก็บเป็น “สินค้าไก่​ ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นเนื้อสุกร” ซึ่งไม่สามารถแสดงเอกสารเคลื่อนย้ายจำนวนประมาณ 71 ตันได้ เจ้าหน้าที่จึงได้อายัดสินค้าไว้ก่อนทั้งหมด 71 ตัน หากสามารถนำมาแสดงได้ ก็จะถอนอายัด โดยให้บริษัท A นำเอกสารมาแสดงและชี้แจงภายในวันที่ 22 มกราคม 2565

และในวันเดียวกัน ได้ตรวจสอบห้องเย็นอีกแห่งหนึ่ง พบเอกสารเคลื่อนย้ายซากสัตว์ แต่ไม่พบเนื้อสัตว์เข้าฝากในห้องเย็นนั้น โดยจำนวนที่ระบุในเอกสาร 283 ตัน จึงได้สอบถามถึงสถานที่จัดเก็บเนื้อสัตว์ดังกล่าว จากนั้นจึงได้ตามสอบไปยังห้องเย็นอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสถานที่จัดเก็บเพิ่มเติมของห้องเย็นที่พบเอกสารแต่ไม่มีสินค้าจัดเก็บ พบว่า..

มีการนำซากสุกรจากบริษัท B และบริษัท A ซึ่งเป็นบริษัทเดียวกับที่ตรวจพบจากห้องเย็นข้างต้น จำนวนกว่า 441 ตัน มาจัดเก็บไว้ที่ห้องเย็นนี้ โดยไม่พบเอกสารเคลื่อนย้าย และไม่ได้แจ้งการกักตุนสินค้าให้กรมการค้าภายในทราบ

จากการตรวจสอบพบมีซากสุกร พบว่าเป็นของบริษัท A มาจัดเก็บที่ห้องเย็นนี้จำนวน 158 ตัน และบริษัท B ไปจัดเก็บจำนวน 283 ตัน ตรวจสอบไม่พบเอกสารการเคลื่อนย้ายไปห้องเย็นดังกล่าว พนักงานเจ้าหน้าที่จึงได้อายัดซากสุกร จำนวน 441 ตัน​ ทั้งหมด และแจ้งให้บริษัท A และ B นำเอกสารการเคลื่อนย้ายและหลักฐานที่เกี่ยวข้องมาแสดงภายในวันที่ 22 มกราคม 2565 นี้ หากไม่สามารถนำมาแสดงได้จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

https://www.dailynews.co.th/news/690529/