มารดาของส.อ.ลา เดวิด จอห์นสัน ซึ่งเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไนเจอร์ สนับสนุนคำกล่าวหาของนางเฟรเดริกา วิลสัน ส.ส.พรรคเดโมแครต ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ “เย็นชา” ในการสนทนาทางโทรศัพท์กับภรรยาหม้ายของลูกชาย
ก่อนหน้านี้นางวิลสัน ระบุว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวกับนางมาอิชา จอห์นสัน ภรรยาหม้ายของส.อ.จอห์นสัน ว่า “เขารู้อยู่แล้วว่าสมัครใจไปปฏิบัติหน้าที่อะไร แต่ผมว่า มันก็คงจะทำให้รู้สึกเจ็บปวดอยู่ดี”
ทั้งนี้ ส.อ.จอห์นสัน เป็นหนึ่งในทหาร 4 นาย ที่เสียชีวิตจากการถูกกองกำลังติดอาวุธอิสลามซุ่มโจมตีเมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์ กำลังถูกวิจารณ์ว่า ไม่ได้ติดต่อไปหาครอบครัวของทหารเหล่านี้ในทันทีหลังเกิดเหตุ
นางโคแวนดา โจนส์ จอห์นสัน มารดาของส.อ.จอห์นสัน ระบุกับหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์ ดูหมิ่นลูกชายและลูกสาวของฉัน รวมถึงตัวฉันและสามีด้วย”
นอกจากนี้ ยังกำลังมีกรณีแยกต่างหาก ที่อีกครอบครัวของทหารซึ่งเสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ กล่าวหาประธานาธิบดีทรัมป์ ด้วยว่าได้เสนอจะให้เงินช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวเป็นการส่วนตัว แต่ปรากฎว่า ไม่เคยส่งเงินให้ตามที่พูด โดยพ่อของทหารคนดังกล่าว ระบุกับหนังสือพิมพ์ วอชิงตันโพสต์ว่า “เขาบอกว่า ฉันจะเขียนเช็คให้ เป็นเงินส่วนตัว 25,000 ดอลลาร์สหรัฐ (830,000 บาท) ซึ่งผมงงมาก”
ด้านทำเนียบขาว กล่าวกับทางหนังสือพิมพ์ว่า ได้ส่งเช็คเงินสดไปให้ทางครอบครัวแล้ว และระบุว่านี่ “เป็นการหยิบยื่นความเอื้อเฟื้อให้อย่างจริงใจ”
ข้อกล่าวหาประธานาธิบดีทรัมป์
นางวิลสัน ซึ่งเป็นส.ส.จากรัฐฟลอริดา กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้โทรศัพท์ไปหาครอบครัว ก่อนหน้าที่โลงศพของส.อ.จอห์นสัน จะถูกส่งถึงเมืองไมอามี
นางวิลสัน กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นของเมืองไมอามีว่า ได้ยินการสนทนา “ที่เย็นชา” ดังกล่าว ระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์ กับภรรยาหม้ายของทหาร จากเสียงที่เปิดผ่านลำโพงในรถลีมูซีน “สำหรับฉัน นั่นเป็นสิ่งที่พูดได้ในการสนทนาทั่วไป แต่ไม่ใช่สิ่งที่ควรกล่าวกับภรรยาหม้ายของทหารที่เพิ่งเสียชีวิต”
“ทุกคนที่ไปรบ ต้องเข้าใจว่าอาจจะไม่ได้กลับมา แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ควรจะย้ำเตือนกับภรรยาหม้ายที่กำลังไว้ทุกข์”
นางวิลสัน ทวีตเมื่อวันพุธ (18 ต.ค.) ว่า “ส.อ.ลา เดวิด จอห์นสัน เป็นวีรบุรุษ @realDonaldTrump ไม่มีคุณลักษณะ ความเห็นอกเห็นใจ หรือความสง่างามพอจะเป็นประธานธิบดีสหรัฐฯ”
นางวิลสัน กล่าวว่า นางจอห์นสัน ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่ 3 ร้องไห้หลังจากที่คุยกับประธานาธิบดี “เขาทำให้เธอร้องไห้” รวมถึงระบุกับหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ด้วยว่า เธออยากคว้าโทรศัพท์มา “ต่อว่า” ประธานาธิบดี แต่ทหารที่ถือโทรศัพท์อยู่ไม่ยอมให้เธอพูด และได้ทวีตข้อความต่อว่า “ฉันยังยืนยัน คำกล่าวเกี่ยวกับการสนทนาระหว่าง @realDonaldTrump และมาอิชา จอห์นสัน ซึ่งนั่นเป็นชื่อของเธอค่ะ คุณทรัมป์ ไม่ใช่ ‘ผู้หญิงคนนั้น’ หรือ ‘ภรรยา'”
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตอบโต้ผ่านทวีต
ด้านประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตอบโต้ข้อกล่าวห้านี้ ผ่านทวิตเตอร์ในวันเดียวกันว่า “ส.ส.หญิงจากพรรคเดโมแครต แต่งเรื่องที่ผมพูดกับภรรยาของทหารที่เสียชีวิตทั้งหมด (และผมมีหลักฐาน) น่าเศร้า!”
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังไม่ได้แสดงหลักฐานที่กล่าวถึง และกล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ที่ถามหาหลักฐานดังกล่าวว่า “ให้เธอออกแถลงการณ์อีกครั้ง คุณก็จะรู้เอง”
ส่วนเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว ระบุแต่เพียงว่า การสนทนาที่เป็นประเด็นคือการสนทนาส่วนตัว โดยโฆษกทำเนียบขาว ประณามนางวิลสันว่า นำประเด็นนี้มาโยงกับการเมือง และ “ประธานาธิบดีรักประเทศของเรามาก และเคารพยกย่องทหารอย่างมาก และต้องการจะโทรศัพท์ไปแสดงความเสียใจกับครอบครัวของทหาร… ฉันคิดว่าความพยายามจะสร้างเรื่องจากประเด็นนี้… น่าตกใจและรังเกียจ”
สำนักข่าววิหคนิวส์