กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์น้ำไหลหลาก และน้ำเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ 13 จังหวัด รวม 51 อำเภอ 310 ตำบล 1,826 หมู่บ้าน ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ใน 12 จังหวัด ได้แก่ ตาก พิจิตร นครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา เพชรบูรณ์ ลพบุรี ขอนแก่น หนองบัวลำภู และกาฬสินธุ์ ทั้งนี้ ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยครอบคลุมทุกมิติ มุ่งดูแลชีวิตความเป็นอยู่และความปลอดภัยเป็นหลัก พร้อมระดมเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยสนับสนุนการแก้ไขปัญหาอุทกภัย ควบคู่กับการเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์อุทกภัย น้ำไหลหลาก และน้ำเอ่อล้นตลิ่งจากอิทธิพลของพายุดีเปรสชัน และการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา ตั้งแต่วันที่ 10 – 17 ตุลาคม 2560 ทำให้เกิดน้ำไหลหลากและน้ำเอ่อล้นตลิ่ง ในพื้นที่ 13 จังหวัด รวม 51 อำเภอ 310 ตำบล 1,826 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 80,244 ครัวเรือน 197,050 คน ผู้เสียชีวิต 6 ราย ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ใน 12 จังหวัด แยกเป็น ลุ่มน้ำปิง 1 จังหวัด ได้แก่ ตาก น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแม่สอด อำเภอสามเงา อำเภอเมืองตาก อำเภอบ้านตาก อำเภอวังเจ้า และอำเภอพบพระ รวม 27 ตำบล 117 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,577 ครัวเรือน 7,049 คน ผู้เสียชีวิต 1 ราย ลุ่มน้ำน่านและลุ่มน้ำยม 1 จังหวัด ได้แก่ พิจิตร น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 11 อำเภอ ได้แก่ อำเภอตะพานหิน อำเภอบางมูลนาก อำเภอโพธิ์ประทับช้าง อำเภอสามง่าม อำเภอโพทะเล อำเภอวังทรายพูน อำเภอบึงนาราง อำเภอเมืองพิจิตร อำเภอสากเหล็ก อำเภอดงเจริญ อำเภอวชิรบารมี รวม 43 ตำบล 261 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 10,985 ครัวเรือน 27,462 คน ผู้เสียชีวิต 2 ราย ลุ่มน้ำเจ้าพระยา 5 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองนครสวรรค์ อำเภอตาคลี อำเภอโกรกพระ อำเภอชุมแสง และอำเภอท่าตะโก รวม 45 ตำบล 414 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 18,188 ครัวเรือน 38,470 คน ชัยนาท น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำนอกเขตคันกั้นน้ำใน 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอมโนรมย์ อำเภอสรรพยา อำเภอเมืองชัยนาท และอำเภอวัดสิงห์ รวม 14 ตำบล 64 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,536 ครัวเรือน 5,325 คน สิงห์บุรี น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำนอกเขตคันกั้นน้ำใน 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภออินทร์บุรี อำเภอเมืองสิงห์บุรี และอำเภอพรหมบุรี รวม 16 ตำบล 78 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,073 ครัวเรือน 9,776 คน อ่างทอง น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำนอกเขตคันกั้นน้ำใน 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอป่าโมก อำเภอวิเศษชัยชาญ อำเภอเมืองอ่างทอง อำเภอโพธิ์ทอง และอำเภอไชโย รวม 27 ตำบล 82 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,169 ครัวเรือน 5,422 คน พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย 6,017 ไร่ พระนครศรีอยุธยา น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำนอกเขตคันกั้นน้ำใน 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางบาล อำเภอเสนา อำเภอบางปะอิน อำเภอผักไห่ อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางไทร และอำเภอบางปะหัน รวม 94 ตำบล 561 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 31,379 ครัวเรือน 78,447 คน ผู้เสียชีวิต 2 ราย ลุ่มน้ำป่าสัก 2 จังหวัด ได้แก่ เพชรบูรณ์ น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอหล่มเก่า และอำเภอหล่มสัก รวม 5 ตำบล 17 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 311 ครัวเรือน 788 คน ลพบุรี น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่อำเภอบ้านหมี่ รวม 9 ตำบล 60 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 7,643 ครัวเรือน 22,231 คน ลุ่มน้ำพอง 1 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภออุบลรัตน์ และอำเภอน้ำพอง รวม 16 ตำบล 142 หมู่บ้าน และลุ่มน้ำชี 2 จังหวัด ได้แก่ หนองบัวลำภู น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภออุบลรัตน์ และอำเภอโนนสัง รวม 7 ตำบล 16 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 352 ครัวเรือน 952 คน กาฬสินธุ์ น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอฆ้องชัย และอำเภอกมลาไสย รวม 5 ตำบล 8 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 10 ครัวเรือน 29 คน ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มกำลัง โดยแจกจ่ายถุงยังชีพและเครื่องอุปโภคบริโภค เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นแก่ผู้ประสบภัย พร้อมระดมเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยสนับสนุนการแก้ไขปัญหาอุทกภัย รวมถึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำเพิ่มเติม เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขังสู่ลำน้ำสายหลัก พร้อมเชื่อมโยงการระบายน้ำในพื้นที่รอยต่อระหว่างจังหวัด ตลอดจนดูแลชีวิตความเป็นอยู่และความปลอดภัยของผู้ประสบภัยเป็นหลัก พร้อมทั้งประสานความร่วมมือกับทุกหน่วยงานให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอย่างต่อเนื่อง ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
สำนักข่าววิหคนิวส์