ศิษยานุศิษย์ฺ ประสานปกป้องพระสวมบัตรประชาชน รวมตัวกัน– 6 องค์กรชาวพุทธเชียงใหม่ พร้อมทนายความเตรียมบุกกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 แจ้งความดำเนินคดีหมิ่นประมาทกับผู้ร้องเรียนให้ตรวจสอบกรณี “เจ้าอาวาสวัดสวนดอก” สวมบัตรประชาชนคนตาย อ้างมีการออกสื่อพาดพิงให้คณะสงฆ์เชียงใหม่เสื่อมเสีย ขณะที่พระผู้ใหญ่ระบุ “พระราชรัชมุนี” ควรได้รับสัญชาติไทยนานแล้วแต่ตกสำรวจ เพราะมัวมุ่งมั่นกับการเรียนเมื่อครั้งเป็นสามเณร ย้ำให้มองแต่คุณงามความดี อย่าไปมุ่งโจมตีแต่เรื่องเสียหาย บางกลุ่มเอาเรื่องหม่องทองดี เด็กนักเรียนต่างด้าวในไทยที่พับจรวดพุ่งและลอยนาน สร้างชื่อเสียงให้ไทย ทำเรื่องขอสัณชาติยังไม่ได้เลย
วันที่ 17 ตค 60 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากกลุ่มศิษยานุศิษย์ เจ้าอาวาสวัดสวนดอก และกลุ่มองค์กร ที่เรียกตัวเองว่าชาวพุทธเชียงใหม่ ว่าจะมีการรวมตัวกันในวันพรุ่งนี้(18 ต.ค.60) เวลา 10.00 น.โดยกลุ่มดังกล่าว บอกเป็นตัวแทน 6 องค์กรพุทธศาสนาในจังหวัดเชียงใหม่ ประกอบด้วย พุทธสมาคมจังหวัดเชียงใหม่,ยุวพุทธิกสมาคมจังหวัด,กลุ่มหนุ่มสาวจังหวัด,สมาคมศิษย์เก่า มจร.วิทยาเขตเชียงใหม่,สมาคมสหธรรมเชียงใหม่ และสมาพันธ์ชาวพุทธจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยทนายความจะเดินทางไปที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อยื่นหนังสือและแจ้งความให้ดำเนินคดีกับนายกิตติศักดิ์ แสนทวีสุข ผู้ที่ร้องเรียนให้ตรวจสอบพระราชรัชมุนี เจ้าอาวาสวัดสวนดอก และเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ โดยกล่าวหาว่าสวมบัตรประจำตัวประชาชนคนตาย ข้อหาหมิ่นประมาท รวมทั้งอาจจะฟ้องสื่อที่มีการนำเสนอข่าวกรณีดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของ 6 องค์กรพุทธศาสนาในจังหวัดเชียงใหม่นั้น สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 15 ต.ค.60 ตัวแทนพระสงฆ์ร่วมกับตัวแทน 6 องค์กรพุทธศาสนาในจังหวัดเชียงใหม่ ได้ประชุมหารือร่วมกันที่ศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ วัดพันอ้น อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ กรณีที่นายกิตติศักดิ์ ร้องเรียน และได้ไปออกรายการโทรทัศน์ ซึ่งหลายคนเชื่อว่าเป็นการให้ข้อมูลพาดพิงที่ไม่เป็นจริงจนทำให้คณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่รับความเสียหายส่งผลกระทบต่อความศรัทธาและความเคารพในพระสงฆ์ จึงมีข้อสรุปร่วมกันที่จะออกมาใช้สิทธิทางกฎหมาย
ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น วันที่. (17 ต.ค.60 ที่วัดพันอ้น อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวได้เข้าพบพระครูอมรธรรมทัต เจ้าอาวาสวัดพันอ้น และเลขานุการศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนา จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสอบถามเกี่ยวกับรายละเอียดการประชุมหารือดังกล่าวและกรณีที่ตัวแทน 6 องค์กรพุทธศาสนาในจังหวัดเชียงใหม่ จะเดินทางแจ้งความที่ตำรวจภูธรภาค 5 ให้ดำเนินคดีกับนายกิตติศักดิ์
อย่างไรก็ตามพระครูอมรธรรมทัต ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดข้อมูลใดๆ โดยบอกแต่เพียงว่า ตามมติที่ประชุมได้สรุปร่วมกันแล้วว่าจะให้ทนายความเป็นผู้ให้ข้อมูลรายละเอียดทั้งหมดแต่ผู้เดียว ซึ่งในวันพรุ่งนี้(18ต.ค.60) จะทราบรายละเอียดทั้งหมด และบอกว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นการปกป้องคณะสงฆ์ ไม่ใช่การปกป้องเจ้าอาวาสวัดสวนดอก แต่อย่างใด
นอกจากนี้รายงานข่าวแจ้งว่า จากการพูดคุยกับพระผู้ใหญ่ท่านหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่า พระราชรัชมุนี เจ้าอาวาสวัดสวนดอก และเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ที่ถูกกล่าวหาว่าสวมบัตรประจำตัวประชาชนคนตายนั้น มีเชื้อสายไทยใหญ่ อยู่อาศัยในประเทศไทยมาตั้งแต่เป็นเด็กและควรจะได้รับสัญชาติไทยไปนานแล้ว เพราะคนในหมู่บ้านเดียวกันได้รับสัญชาติไทยกันหมด แต่พระราชรัชมุนีตกสำรวจ เนื่องจากมัวมุ่งมั่นกับการศึกษาเล่าเรียนเมื่อครั้งเป็นสามเณร นอกจากนี้อยากให้มองคุณงามความดีที่พระราชรัชมุนี ได้สร้างไว้ให้กับพระพุทธศาสนามากกว่าจะไปโจมตีในเรื่องเสียหาย และควรตระหนักว่าพระราชรัชมุนีอาจจะทำความดีมากกว่าที่คนไทยแท้ๆ ทำเสียอีก สำหรับการที่พระราชรัชมุนี เป็นเจ้าอาวาส แต่ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่วัดเลยและล่าสุดไม่ทราบว่าอยู่ที่ใดนั้น พระผู้ใหญ่ท่านเดียวกันนี้ บอกว่า ไม่ได้เป็นเรื่องเสียหายใดๆ เพราะเท่าที่ทราบมีการมอบหมายความรับผิดชอบให้พระรูปอื่นในวัดดูแลแทนแล้ว พร้อมย้ำว่าอย่าเพิ่งตัดสินความผิดกรณีสวมบัตรประชาชนคนตายของพระราชรัชมุนี จนกว่ากระบวนการทางกฎหมายจะสิ้นสุด.
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มศิษยานุศิษย์ พระราชรัชมุนี บางคนยังได้ไปเขียนข้อความในเฟสบุ๊คส่วนตัว อ้างถึงคุณความดีของพระราชรัชมุนี และเรียกร้องให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สัญชาติพระรูปนี้เพราะทำคุณความดีให้กับประเทศไทยด้วย ถือว่าเป็นพระที่มีความสามารถเก่ง โดยมีคนเข้าคอมเม้นหลายคนส่วนมากจะเป็นกลุ่มศิษยานุศิษย์ด้วยกันที่ช่วยกันคอมเม้น เรียกร้องให้สัณชาติพระรูปนี้ มีบางคอมเม้น ที่เขียน เปรียบเทียบ ถึงกรณีต่างด้าวทำความดีสร้างชื่อให้ประเทศไทยแต่ก็ไม่ได้สัณชาติ ก็มี เช่น ดช หม่องทองดี อดีตเด็กไทยไร้สัณชาติ นักเรียนชั้น ป.4. โรงเรียนบ้านห้วยทราย ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ ได้เป็นตัวแทนการแข่งขัน ร่อนเครื่องบินกระดาษพับได้รับรางวัลอันดับ 3 ประเภทบุคคลชายไม่เกิน 12 ปี ประเทศญี่ปุ่น สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยอย่างมากในครั้งนั้น
ต่อมาเมื่อปี 59 นายหม่องทองดี ได้ติดต่อมายังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยเพื่อขอสัณชาติ ในฐานะที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ก่อนหน้าได้ทำเรื่องขอมา 7 ปี ก็ไม่ได้ กระทั่งปี 59 มาขออีกครั้งหลังจากเคยทำชื่อเสียงให้กับประเทศไทย แต่ก็ยังไม่ได้ในที่สุด ตอนนี้ ดช หม่องศรี เป็นหนุ่ม อายุปัจจุบัน 20 ปี ก็เหมือนกับพระราชรัชมุนี ที่ทางเหล่าศิษยานุศิษย์คนไทยได้พยายามเขียนโพสต์ชื่อชมคุณงามความดีของพระดังกล่าว เพื่อขอสัณชาติและขอร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเลิกติดตามตัวมาดำเนินคดีในข้อหาสวมบัตรด้วย
ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเชียงใหม่ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่อาย ได้เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยพนักงานสอบสวน สภ.แม่อายเชียงใหม่ กำลังรอหลักฐานบางอย่างจากทาง จ.ชัยภูมิ อยู่เพื่อมาประกอบสำนวน ในเรื่องของการสวมบัตรผู้ตาย ซึ่งหากได้มาแล้วก็จะทำการออกหมายเรียกพระราชรัชมุนี มาสอบปากคำและรับทราบข้อกล่าวหา ตอนนี้ยังไม่มีการออกหมายเรียก รอหลักฐานจาก จ.ชัยภูมิอยู่ในขณะนี้ คงไม่นาน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การฟ้องร้องสื่อนั้นองค์กรเอกชนที่เกี่ยวข้องกับศาสนา ไม่สามารถจะฟ้องร้องดำเนินคดีอาญากับสื่อได้ เพราะมิได้เป็นผู้เสียหายในคดีฐานหมิ่นประมาท เว้นแต่ผู้เสียหายจะมาแจ้งความเอาผิดพร้อมหลักฐานเองเท่านั้น
Cr.ข่าวด่วน
สำนักข่าววิหคนิวส์