วันนี้ทางทีมงานวิหคนิวส์ได้ติดตามกรณีโลกออนไลน์ ต่างพากันเข้าไปแสดงความเสียใจและให้กำลังใจหนุ่มรายหนึ่ง หลังต้องสูญเสียภรรยาสุดที่รัก พร้อมกับลูกน้อยในครรภ์อย่างไม่มีวันกลับ ซึ่งก่อนหน้านี้ ภรรยาของเขาใกล้ครบกำหนดคลอด จึงไปตรวจที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แต่เมื่อกลับไปถึงบ้าน ช่องคลอดมีเลือดไหลออกมามาก ซึ่งแพทย์ได้ให้นอนรออีก 2 คืน ก่อนจะพบว่าได้เกิดเหตุสลดขึ้น เสียชีวิตทั้งแม่และลูกน้อยในครรภ์ จึงเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อวันที่ 17 ส.ค. นพ.สมพงษ์ ตันจริยภรณ์ ผอ.โรงพยาบาลเลิดสิน เปิดเผยว่า ล่าสุดมีหญิงตั้งครรภ์เสียชีวิตพร้อมกับลูกสาวนั้น ขอเรียนแจ้งให้ทราบว่า คนไข้ตั้งครรภ์เป็นครั้งที่ 2 แล้ว โดยครั้งสุดท้ายที่คนไข้เข้ามาตรวจครรภ์ เป็นช่วงครรภ์ใกล้คลอดแล้ว แพทย์จึงได้ตรวจเช็คความพร้อมของปากมดลูกตามปกติ แต่ปากมดลูกยังไม่เปิด จึงได้อนุญาตให้กลับได้ ในวันรุ่งขึ้นคนไข้มาด้วยอาการเมือกไหลออกมาทางช่องคลอด แต่ปากมดลูกยังไม่เปิด ซึ่งแพทย์ก็ได้เฝ้าดูอาการอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้หัวใจเด็กก็ยังคงเต้นปกติดีตลอดเวลา กระทั่งช่วงประมาณ 10 นาที ขณะคลอดมดลูกเคลื่อนไปมาและบีบตัว ซึ่งเป็นข้อจำกัดของเครื่องตรวจวัดอัตราการเต้นหัวใจ ทำให้ไม่ทราบอัตราการเต้นหัวใจของทารก เมื่อคลอดออกมาปรากฏว่า มีภาวะ “รกลอกก่อนกำหนด” ขั้นรุนแรง เพราะเป็นส่วนที่หล่อเลี้ยงทารกให้เจริญเติบโตในครรภ์ เด็กจึงขาดเลือดแต่ชีพจรยังเต้นและไม่หายใจแล้ว ในขณะที่แม่ก็เสียเลือดมาก จึงมีแพทย์ 2 ทีมรีบทำการช่วยเหลือ แต่ท้ายที่สุดแล้วแม่ก็เสียชีวิต
“การล้วงเข้าไปไม่มีผลต่อรกอยู่แล้ว เหตุในลักษณะนี้ก็ไม่ได้เกิดบ่อย เป็นเหตุสุดวิสัยครับ ทางโรงพยาบาลต้องขอแสดงความเสียใจต่อเรื่องที่เกิดขึ้น โดยก่อนหน้านี้ได้พูดคุยกันเบื้องต้น และได้ช่วยเหลือเป็นเงินไปจำนวนหนึ่ง แต่ในวันพรุ่งนี้ได้นัดขอให้ญาติผู้ตายเข้ามาพูดคุยกัน แต่ไม่ทราบว่าจะตอบรับหรือไม่ หรือหากไม่ยินดี โรงพยาบาลก็จะเดินทางไปยัง จ.นครราชสีมา บ้านเกิดของผู้ตาย เพื่ออธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด” ผอ.โรงพยาบาลดังกล่าว กล่าว
นอกจากนี้ นพ.สมพงษ์ กล่าวชี้แจงต่อว่า หากเด็กมีภาวะ “รกลอกก่อนกำหนด” เพียงระยะเวลา 4-5 นาที เด็กก็จะขาดเลือดและเสียชีวิตได้ทันที ส่วนกรณีที่ญาติสงสัยว่าเหตุใดไม่รีบผ่าคลอด ทั้งที่คู่สามีภรรยาก็ได้เซ็นชื่อลงในเอกสารทั้ง 3 ใบเรียบร้อยก่อนหน้านั้นแล้ว ซึ่งประเด็นนี้ไม่ใช่ว่าแม่ทุกคนจะผ่าคลอด หรือเซ็นชื่อแล้วจะต้องผ่าคลอดทันที เพียงแต่เป็นการเตรียมไว้สำหรับกรณีที่ปากมดลูกไม่เปิดจริงๆ แต่ในเคสนี้แพทย์ประเมินแล้วว่า ร่างกายของคนไข้ไม่พร้อมสำหรับการผ่าคลอด จึงทำคลอดด้วยวิธีธรรมชาติ