มติชน-เปิดปมสินบนทองคำ 246 บาท ‘ภาคภูมิ’ กลับลำ แฉนายเก่า ถ่ายคลิปแบล๊กเมล์ ป.ป.ช.นาทีส่งทอง ส่งให้ ปปป.เป็นหลักฐานมัด ศาลอาญาออกหมายค้น 11 จุด พบทองแท่ง 120 บาท พบตัวพยานปากสำคัญคนรับทอง ส่งให้ ป.ป.ช.
กรณี ทีมพนักงานสืบสวนสอบสวน ของ ตร. นำโดย บก.ปปป.ได้ไปขอหมายค้นต่อศาลอาญา รวม 11 จุดในพื้นที่ กทม.และจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อพบและยึดพยานหลักฐานที่มีความเชื่อมโยงกับคดีที่ พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย อดีตนายตำรวจคนดัง ได้ไปข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป.ว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ได้ใช้ให้ พ.ต.อ.ภาคภูมิ นำทองคำน้ำหนักประมาณ 246 บาท มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท ไปให้นาย อ.กรรมการ ป.ป.ช. ที่เป็นผู้รับผิดชอบสำนวนไต่สวนของบิ๊กโจ๊ก กับพวก เพื่อขอให้พ้นผิดคดีที่เส้นเงินคนใกล้ชิดไปโยงเกี่ยวกับเว็บการพนัน ในห้วงปี 2567
เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม มีรายงานว่า ในการนำทองคำไปมอบให้กับนาย อ. กรรมการ ป.ป.ช. นั้น มีการแอบถ่ายคลิปไว้ โดยการสั่งการของบิ๊กโจ๊กเองเพื่อสำหรับใช้เป็นเครื่องมือในการแบล๊กเมล์นาย อ.กรรมการ ป.ป.ช. หากไม่ดำเนินการให้ตามที่มีการตกลงกัน
ซึ่งหลังจากที่มีการมอบทองคำให้ไปแล้ว นาย อ. ก็ได้เร่งรัดทำการไต่สวนผู้เกี่ยวข้อง จนสรุปผลการไต่สวน และพยายามจะนำสำนวนเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการชุดใหญ่
แต่ห้วงดังกล่าวหานั้น กรรมการ ป.ป.ช. เกษียณอายุราชการ พ้นจากตำแหน่งไปหลายคน ทำให้เสียงกรรมการปริ่มๆ และกรรมการหลายคนที่ทราบข้อมูล ข้อเท็จจริงในสำนวน ไม่เห็นด้วยกับความเห็นของอนุกรรมการ ชุด นาย อ.ไต่สวนมา จึงพยายามทำให้องค์ประชุมไม่ครบไม่สามารถประชุมกันได้ จนสุดท้ายก็ยังไม่สามารถนำเรื่องการไต่สวนของคณะ นาย อ.เข้าสู่การประชุมได้
โดยแหล่งข่าวแจ้งว่า หลังจากนั้น บิ๊กโจ๊กก็ได้เร่งรัดกดดันนาย อ.มาโดยตลอด จนสุดท้าย คนสนิทของนาย อ. ก็พยายามติดต่อขอคืนทองคำให้กับบิ๊กโจ๊ก แต่ก็ยังไม่มีการคืนทองคำกันได้ จนในที่สุด บิ๊กโจ๊กได้ออกมากดดัน กล่าวหาตำรวจว่าเป็นองค์กรอาชญกรรมเเละเรื่องส่วย ในส่วนคดีตนเองก็พยายามโยนความผิดให้ พ.ต.อ.ภาคภูมิ และ พ.ต.ท.คริษฐ์ ในทุกๆ เรื่อง เพื่อให้ตนเองพ้นผิด
‘สุดท้าย พ.ต.อ.ภาคภูมิ ทนไม่ไหว’ จึงนำคลิปการนำทองไปมอบให้กับนาย อ. มามอบให้กับทีมตำรวจ บก.ปปป. พร้อมให้รายละเอียดในทางคดี รวมถึงบอกเล่า หรือที่เรียกว่าแฉพฤติกรรมต่างๆ ของบิ๊กโจ๊กที่บิดเบือนข้อเท็จจริงในหลายประเด็น
โดยระบุชัดว่า ข้อเท็จจริงในหลายประเด็นไม่ได้เป็นตามที่บิ๊กโจ๊กเคยให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนและสังคม เป็นการดิสเครดิตองค์กรตำรวจ พนักงานสอบสวน บก.ปปป.จึงได้รวบรวมหลักฐาน และเสนอต่อศาลอาญาเพื่อขอออกหมายค้น รวมทั้งสิ้น 11 จุด ในพื้นที่ กทม.และ จ.สุราษฎร์ธานี
โดยผลการตรวจค้นในเบื้องต้น พบทองคำแท่ง น้ำหนักประมาณ 120 บาท อยู่ในบ้านพักของลูกน้องคนสนิท ของ นาย ส.อดีต อนุกรรมการ ป.ป.ช. ในชุดของ นาย อ. ซึ่งนาย ส.เป็นบุคคลที่เคยถูกกล่าวหาว่า ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ช่วยเหลือ บิ๊กโจ๊กในเรื่องการแจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จกรณีเงินมาซื้อปืน ที่อ้างว่าได้มาจากค่านายหน้าขายพระระหว่างเฮียอั้ง เมืองชล กับอดีตผู้ว่าฯ
ซึ่งต่อมา อดีตผู้ว่าฯก็ให้การยืนยันว่า ไม่เคยขายพระได้เงินจำนวนมากเหมือนที่บิ๊กโจ๊กให้ข้อมูลต่อ ป.ป.ช.ไว้ และยังมีอีกหลายๆ เรื่องที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของ ป.ป.ช.
ทั้งนี้ ทีมตรวจค้นยังพบหลักฐานเด็ดเป็นเอกสารเกี่ยวกับการซื้อทอง และเอกสารที่สำคัญหลายรายการ
ที่สำคัญยังพบพยานบุคคลคนสำคัญ ที่เป็นคนรับทองจาก พ.ต.อ.ภาคภูมิ ที่ให้การซัดทอดว่า ได้ส่งมอบทองดังกล่าวให้กับนาย อ. กรรมการ ป.ป.ช.ที่ไปด้วยกันในรถทันที ตรงนี้ ถือเป็นพยานปากสำคัญในคดีนี้ที่ให้การมัดตัว นาย อ. กรรมการ ป.ป.ช.อย่างไม่อาจปฏิเสธได้
นอกจากนี้ ทีมตรวจค้นยังพบเอกสารสำคัญอีกหลายๆ รายการ ที่อาคารสำนักงานให้เช่า ที่อาคาร รัชดาวัน ชั้น 2 ถนนรัชดาภิเษก ฝั่งตรงข้ามศาลอาญา ซึ่งเป็นสถานที่ที่บิ๊กโจ๊กได้ใช้เป็นวอร์รูมในการต่อสู้คดี และเป็นสถานที่ที่ทนายตั้ม ทนายอู๊ด และทีมกฎหมายของอดีตอนุกรรมการ ป.ป.ช. รวมถึงลูกน้องของบิ๊กโจ๊ก ใช้เป็นสถานที่ช่วยกันวางแผนต่อสู้คดี
รวมทั้งการวางเเผนให้นางสาวพิมพ์วิไล ปล้องอ่อน คนทำบัญชีเว็บพนันมินนี่ ไปกล่าวหาบุคคลต่างๆ ที่ปรากฏเป็นข่าวหน้าสื่อ ในการประชุม กมธ.ความมั่นคงฯ ที่มีนายรังสิมันต์ โรม เป็นประธาน โดยมีทีมทนาย และลูกน้องของบิ๊กโจ๊กเขียนสคริปต์ให้
นอกจากนี้ ยังมีการพบผังเส้นเงินที่ทำไว้ในห้องวอร์รูมดังกล่าวนี้ด้วย ขณะที่ตรวจค้นยังมีรายงานว่า บิ๊กโจ๊กได้เข้าไปกดดันเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เก็บรวบรวมหลักฐานที่อาคารรัชดาวัน ชั้น 2 ถนนรัชดาภิเษก ฝั่งตรงข้ามศาลอาญาดังกล่าวอีกด้วย





