ข่าวประจำวัน » สั่งห้าม แอน ออกประเทศ !! ก.ล.ต.พบทุจริตหุ้น JKN ตกแต่งบัญชี เอาผิด 12 คน

สั่งห้าม แอน ออกประเทศ !! ก.ล.ต.พบทุจริตหุ้น JKN ตกแต่งบัญชี เอาผิด 12 คน

25 December 2025
6   0

ก.ล.ต. ขยายผลสอบกล่าวโทษ 12 ราย ทุจริต-ตกแต่งงบการเงินของ JKN ขายหุ้นโดยอาศัยข้อมูลภายใน แจงเพิ่งสั่งห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร-อายัดทรัพย์ เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีพฤติกรรณ์หลบหนี ยักย้ายถ่ายเททรัพย์

คดีหุ้น JKN วันนี้ (25 ธ.ค.68) ก.ล.ต. ขยายผลการตรวจสอบ กล่าวโทษบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (JKN) อดีตกรรมการและอดีตผู้บริหาร ผู้บริหาร และบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวม 12 ราย ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรณีส่งหรือเปิดเผยงบการเงินและแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี (แบบ 56-1 One Report) โดยมีงบการเงินที่แสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงในสาระสำคัญที่ควรแจ้ง ร่วมกันทุจริตและตกแต่งงบการเงินของ JKN ในช่วงปี 2565-2566 และกรณีขายหุ้น JKN โดยอาศัยข้อมูลภายใน ในช่วงปี 2566 รวมทั้งมีคำสั่งยึดอายัดทรัพย์สินของผู้กระทำผิดกรณีทุจริตและตกแต่งงบการเงิน รวม 4 ราย พร้อมกันนี้ได้ส่งเรื่องต่อไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)

สืบเนื่องจากกรณีที่เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.68 ก.ล.ต. กล่าวโทษผู้กระทำความผิด 3 ราย ได้แก่ (1) บริษัท JKN (2) นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ และ (3) นางสาวพิมพ์อุมา จักราจุฑาธิบดิ์ ต่อ DSI กรณีร่วมกันกระทำหรือยินยอมให้มีการลงข้อความเท็จ และ/หรือทำบัญชีไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง และไม่ตรงต่อความเป็นจริงในงบการเงินประจำปี 2566 และเอกสารบัญชีสำหรับงวดไตรมาส 1 ปี 2567 ของ JKN เพื่อลวงบุคคลใด ๆ และนำส่งหรือเปิดเผยงบการเงินประจำปี 2566 และแบบ 56-1 One Report ที่มีงบการเงินเท็จ นั้น

ต่อมา ก.ล.ต. ได้ขยายผลการตรวจสอบและพบว่า การซื้อขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ของ JKN กับนิติบุคคลซึ่งจดทะเบียนในประเทศไทย มีกรรมการและผู้บริหารของ JKN ในขณะเกิดเหตุ ได้แก่ (1) นายจักรพงษ์ ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (2) นางสาวพิมพ์อุมา ในฐานะกรรมการบริหารและรองกรรมการผู้จัดการสายงานคอนเทนต์ (3) นางสาวพิสมัย ห่างไธสง ในฐานะกรรมการบริหารและรักษาการรองกรรมการผู้จัดการสายงานการเงินและบัญชี และ (4) นางสาวกมลรัตน์ มงคลครุธ ในฐานะกรรมการบริหารและรองกรรมการผู้จัดการสายงานขาย ได้ร่วมกันดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมการซื้อขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ที่ไม่มีจริงของ JKN โดยพบเส้นทางเงินที่อ้างว่าเป็นการชำระค่าซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์ดังกล่าวจาก JKN เป็นเงินประมาณ 557.63 ล้านบาท ได้โอนต่อไปให้กับบุคคลซึ่งน่าเชื่อว่าเป็นนอมินีของนายจักรพงษ์ เพื่อนำไปซื้อหุ้น JKN และหุ้นกู้ JKN แทนนายจักรพงษ์

อีกทั้งนายจักรพงษ์และนางสาวพิมพ์อุมา ยังได้รับประโยชน์จากเงินดังกล่าวผ่านการโอนเข้าบัญชีตนเอง เป็นเหตุให้ JKN เสียหาย การกระทำของบุคคลทั้ง 4 ราย ข้างต้น เข้าข่ายเป็นการร่วมกันกระทำผิดหน้าที่โดยทุจริต เบียดบังเอาทรัพย์ของบริษัทเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต แสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อตนเองหรือผู้อื่น จนเป็นเหตุให้ JKN ได้รับความเสียหาย และบันทึกบัญชีไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง หรือไม่ตรงต่อความเป็นจริงเพื่อลวงบุคคลใด ๆ

นอกจากนี้ ก.ล.ต. ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ฯ และตรวจสอบเพิ่มเติม พบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ที่ทำให้เชื่อได้ว่า บุคคล 9 ราย มีการขายหุ้น JKN โดยอาศัยข้อมูลภายใน และยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์

จากการกล่าวโทษดังกล่าว ก.ล.ต. โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ ก.ล.ต. อาศัยอำนาจตามความมาตรา 267 พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ได้มีคำสั่งยึดอายัดทรัพย์สินของผู้กระทำผิดกรณีทุจริตและตกแต่งงบการเงิน รวม 4 ราย ได้แก่ (1) นายจักรพงษ์ (2) นางสาวพิมพ์อุมา (3) นางสาวพิสมัย และ (4) นางสาวกมลรัตน์ เป็นเวลา 180 วัน โดยปรากฏมูลค่าความเสียหายจากเงินของบริษัท JKN ที่นำออกไปซื้อลิขสิทธิ์ที่ไม่มีจริง จำนวนประมาณ 557.63 ล้านบาท และจากการเปิดเผยงบการเงินและแบบ 56-1 One Report ที่มีงบการเงินอันเป็นเท็จ ไปประกอบการเสนอขายหุ้นกู้ รุ่น JKN255A ของ JKN เมื่อวันที่ 10 ส.ค.66 ได้รับเงินมาอีก 156.60 ล้านบาท รวมมูลค่าความเสียหาย 714.23 ล้านบาท และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่าผู้กระทำความผิดจะยักย้ายหรือจำหน่ายทรัพย์สินออกไป

นอกจากนี้ คณะกรรมการ ก.ล.ต. ยังมีคำสั่งห้าม (1) นายจักรพงษ์ (2) นางสาวพิมพ์อุมา (3) นางสาวพิสมัย และ(4) นางสาวกมลรัตน์ มิให้ออกนอกราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว มีกำหนด 15 วัน โดยหลังจากนี้ ก.ล.ต. จะไปร้องขอต่อศาลอาญาเพื่อออกคำสั่งห้ามมิให้บุคคลดังกล่าวออกนอกราชอาณาจักรต่อไป

เกี่ยวกับกรณี JKN ที่เพิ่งมาอายัดและห้ามออกนอกราชอาณาจักร เนื่องจากในครั้งที่ ก.ล.ต. กล่าวโทษ JKN นายจักรพงษ์ และนางสาวพิมพ์อุมา ในเดือนมิ.ย. 68 ก.ล.ต. ไม่พบว่า นายจักรพงษ์และนางสาวพิมพ์อุมามีพฤติการณ์หลบหนี และไม่พบพฤติการณ์สงสัยว่าจะมีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน