PPTV36 – “เกาะติดสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา” วันที่ 11 ธ.ค.68
โดย
“เกาะติดสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา” วันที่ 11 ธ.ค.68เข้าสู่การปะทะวันที่ 4 หลายพื้นที่ยังมีการปะทะต่อเนื่อง
ยังคงเกาะติดสถานการณ์ปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หลังจากกรณีทหารกัมพูชาใช้อาวุธโจมตีฝ่ายไทย เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2568 บริเวณพื้นที่ ภูผาเหล็ก–พลาญหินแปดก้อน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จนเหตุการณ์บานปลายเกิดการปะทะกันขึ้นในพลายพื้นที่ และทำให้ทหารไทยบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายนาย
จนถึงวันนี้ 11 ธ.ค.2568 เข้าสู่วันที่ 4 ของสถานการณ์ เกิดการปะทะอย่างดุเดือดระหว่างทหารไทยและกัมพูชาตลอดแนวรบ ตั้งแต่พื้นที่ของกองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 เรื่อยไปจนถึงจังหวัดจันทบุรีและตราด
ทหารไทยพลีชีพรายที่ 9
เวลา 08.00 น. มีรายงานว่า ทีทหารกล้าพลีชีพเป็นรายที่ 8 คือ พลทหารชาญชัย ผดุงโชค (น้องสมาร์ท) อายุ 22 ปี กองกำลังรบกองทัพภาคที่ 1 สังกัดกรมทหารราบที่ 112 กองพันทหารราบที่ 3 (ร.112 พัน.3) ตำแหน่งพลยิงปืนกล พลีชีพกลางสมรภูมิบึงตะกวน-บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา จากการถูกกระสุนปืน ค. ฝ่ายกัมพูชาตกใส่
ส่วนรายที่ 9 คือพลทหารธนกร สิงหาชาติ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 211 กองพันทหารราบที่ 21 ตำแหน่งพลยิงลูกระเบิด 40 มม. ปืน M203 พลีชีพกลางสรภูมิปราสาทตาเมือนธม จากการถูกสะเก็ดกระสุน ปืน ค.ของฝ่ายกัมพูชา
ตราดแจ้งอพยพออกจากพื้นที่100%
เวลา 07.30 น. เพจ “สวท.ตราด” ซึ่งเป็นเพจของสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดตราด แจ้งว่า ฝ่ายความมั่นคงขอความร่วมมือพิทักษ์ชายแดน วันนี้ (11-12-68) จะมีการปะทะรุนแรงและขยายพื้นที่
-ห้ามนำสิ่งของไปมอบในพื้นที่เสี่ยง
-ห้ามใช้มือถือในพื้นที่เสี่ยง ฝ่ายตรงข้ามจับสัญญาณโจมตีได้
-ให้บุคคลออกจากพื้นที่100%
โดยพื้นที่เสี่ยงคือ อ.เมือง 4 ตำบล อ.บ่อไร่-อ.คลองใหญ่ทุกตำบล
เปิดยุทธวิธีโดรนกัมพูชาใช้ในพื้นที่ช่องอานม้า
กองทัพภาคที่ 2 เปิดยุทธวิธีโดรนที่กัมพูชาใช้ในพื้นที่ช่องอานม้า
- ลักษณะโดรนที่ใช้จะเป็น FPV ติดลูก ค.82 มม. และใช้สายไฟเบอร์ออปติกในการบังคับ
- จะมีโดรนชี้เป้าจำนวน 1 ตัว บินคอยดูสังเกตและแจ้งที่หมาย จากการฟังเสียงจะไม่มีรวดเร็วและบินได้นาน
- โดรนพลีชีพจะทิ้งทำลายบริเวณช่องด้านหน้า หรือด้านหลังบังเกอร์ หวังให้สะเก็ดกระเด็นเข้าด้านใน / บางจังหวะมีลงจอดที่พื้นเพื่อประหยัดแบตและรอเป้าหมาย
สังเกตลักษณะการบินจะไม่ผ่านจุดที่มีสิ่งกีดขวางเยอะและบินเลือกเป้าไปกลับไปมา (ทำให้คาดว่าใช้สายไฟเบอร์ออฟติก)
การบังคับจากการสอบถามเพื่อนชุดโดรนที่ใช้ FPV จะสามารถควบคุมได้ 2 ลักษณะ
- ให้บินตาม gps ขึ้นได้ทีละหลายลำ แต่จะบินมั่ว ชนกิ่งไม้ หรือตาข่ายง่าย
- 2 ใช้คนบังคับทีละลำ ลักษณะจะบินหาที่มุดเข้าบังเกอร์ (อานม้าเจอลักษณะนี้)
ข้อสังเกต
- คนบังคับน่าจะไม่ใช่ทหาร กพช. เนื่องจากมีสัญญาณเข้ามาวิทยุทางทหารโหมด CRL คำภาษาอังกฤษลงท้ายประโยคว่า finished …. / ประกอบกับจุดตรวจการณ์ จะตรวจพบ จยย. ขับลงไปหลังจากโดรนพลีชีพเงียบไป (ทั้ง 2 วันที่อานม้าโดน)
คำแนะนำ
ตาข่าย และการปิดหลัง รวมถึงช่องยิงช่วยป้องกัน / การยิงปืนทำลายได้ยากเนื่องจากบินเร็วมาก / ปืนแอนตี้โดรนยิงไม่ตก (อยู่ในบังเกอร์ก้มตัวต่ำครับ)
กองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ชายแดน
กองทัพภาคที่ 2 แจ้งว่าตั้งแต่เวลา 04.35 น. ยังมีการปะทะกันต่อเนื่อง ในพื้นที่ช่องบก, ช่องอานม้า, พื้นที่ตาควาย, พื้นที่ตาเมือน ขณะที่ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 10 ธ.ค. 2568 (เวลา 17.00 น.)
ในห้วงเวลาที่ผ่านมา สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงมีการปะทะกันอย่างต่อเนื่องทุกพื้นที่ โดยฝ่ายกัมพูชาได้ใช้อาวุธยิงสนับสนุนเข้ามาในพื้นที่ฝ่ายไทยในหลายจุดสำคัญ ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อกำลังพลและประชาชนในพื้นที่ โดย กองทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้หน่วยปืนใหญ่ฝ่ายเรา ยิงไปยังที่ตั้งอาวุธยิงสนับสนุนต่างๆ ของฝ่ายข้าศึกทุกพื้นที่ ตามหลักการป้องกันตนเอง ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ และกฎการใช้กำลังอย่างเคร่งครัด
สรุปการใช้อาวุธของฝ่ายกัมพูชาห้วงตั้งแต่ 7-10 ธ.ค.68 เวลา 15.00 น. ฝ่ายกัมพูชามีการใช้อาวุธ BM-21 จำนวน 79 ครั้ง ลูกจรวด 3,160 นัด, ใช้ปืนใหญ่ จำนวน 122 นัด และใช้โดรน ทิ้งระเบิด(FPV) ต่อ ฝ่ายเรา จำนวน 63 ครั้ง 125 ลำ
พื้นที่ช่องอานม้า ฝ่ายกัมพูชาได้มีการปฏิบัติการโจมตีหลายครั้ง ได้แก่ การใช้อาวุธยิงสนับสนุนและการใช้ระเบิดขว้างในพื้นที่ช่องอานม้า, เนิน 677 และตลาดช่องอานม้าฝั่งไทย
พื้นที่พระวิหารฝ่ายกัมพูชาใช้เครนก่อสร้างในพื้นที่เป็นจุดตรวจการณ์ โดยมีการติดตั้งกล้องและอุปกรณ์ตรวจจับด้วยสัญญาณเรดาห์ ทำให้ในห้วงที่ผ่านมาฝ่ายทหารไทย ได้รับบาดเจ็บ และสูญเสียชีวิต ในวันนี้จึงได้ดำเนินการยิงทำลายเครนก่อสร้างดังกล่าว เพื่อทำให้ฝ่ายกัมพูชาสิ้นสภาพขีดความสามารถทางทหาร
พื้นที่ปราสาทตาควาย ฝ่ายกัมพูชามีใช้โดรนพลีชีพ FPV จำนวนมาก และ ชุด ชป.โดรน ฝ่ายเราถูกโดรนข้าศึกทิ้งระเบิด กำลังพลฝ่ายเราปลอดภัย ฝ่ายตรงข้ามมีการยิงปืนออกมาจากตัวประสาท ฝ่ายเราใช้พลซุ่มยิงในการยิงตอบโต้ ตามเหตุการณ์ และมีกระสุน BM-21 ตกในพื้นที่ อ.กาบเชิง จว.สุรินทร์ ประมาณ 20 นัด
นอกจากนี้ฝ่ายกัมพูชายังใช้อาวุธยิงเข้าใส่พื้นที่พลเรือนฝ่ายไทย โดยในวันนี้ตรวจพบการยิงอาวุธจรวด BM-21 ตกในพื้นที่ใกล้เคียง โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ ห่างประมาณ 500 เมตร ซึ่งกองทัพภาคที่ 2 ได้ประเมินความเสี่ยงแล้ว จึงต้องรีบแจ้งเตือนให้ดำเนินการเคลื่อนย้ายบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วยเจ็บเข้าที่ปลอดภัย
สำหรับการเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือกำลังพลที่บาดเจ็บ หน่วยแพทย์กองทัพภาคที่ 2 ได้เตรียมความพร้อมในการรักษาพยาบาล โดยทำการจัดตั้งที่พยาบาลพร้อมให้การรักษาพลเรือน และกำลังพลทหารเพื่อช่วยชีวิตในภาวะวิกฤต ก่อนที่จะส่งต่อการรักษาไปยังโรงพยาบาลในเขตหลัง โดยการส่งกลับผู้ป่วยดำเนินการด้วยรถพยาบาลเป็นหลัก และในกรณีผู้ป่วยวิกฤต ได้ประสานใช้เฮลิคอปเตอร์พยาบาล (Sky Doctor) เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วและปลอดภัยที่สุด
