ฐานเศรษฐกิจ – วันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในเขตท้องที่จังหวัดสงขลา หลังพื้นที่หลายอำเภอเผชิญฝนตกหนักต่อเนื่องจนเกิด มหาอุทกภัยครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายปี ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบ การสัญจรถูกตัดขาด บ้านเรือนเสียหายในวงกว้าง และหน่วยงานปกติเบื้องต้นไม่สามารถรับมือสถานการณ์ได้ทันการณ์ ประกาศระบุว่า สถานการณ์ภัยพิบัติครั้งนี้มีความร้ายแรง “อย่างไม่เคยมีมาก่อน” กระทบต่อการดำรงชีวิตปกติสุขของประชาชน และก่อให้เกิดอันตรายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงทรัพย์สินราชการในหลายพื้นที่ จึงจำเป็นต้องมีมาตรการเร่งด่วนและพิเศษเพื่อดูแลความปลอดภัยและเร่งเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น
รัฐบาลอาศัยอำนาจตามมาตรา 5 และมาตรา 7 แห่ง พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินครอบคลุมทั้งจังหวัดสงขลาขอบเขตเวลาการบังคับใช้: มีผลตั้งแต่ 25 พฤศจิกายน 2568 – 25 กุมภาพันธ์ 2569 (รวม 3 เดือน) นอกจากนี้ รัฐบาลได้แต่งตั้ง “ผู้บัญชาการทหารสูงสุด” ทำหน้าที่เป็น พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย และเป็น หัวหน้ารับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อให้การบูรณาการกำลังพล ทรัพยากร สาธารณูปโภค และมาตรการต่างๆ ดำเนินไปอย่างมีเอกภาพและรวดเร็ว

การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินครั้งนี้ เปิดทางให้รัฐสามารถใช้มาตรการพิเศษ เช่น การควบคุมพื้นที่เสี่ยงการอพยพประชาชนการเข้าถึงทรัพยากรข้ามหน่วยงานการจัดกำลังทหาร–ตำรวจสนับสนุนการช่วยเหลือการเร่งรัดงบประมาณด้านบรรเทาสาธารณภัยประกาศลงนามโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี
สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมสงขลาช่วงหลายวันมานี้ เกิดจากฝนตกหนักสะสมและมวลน้ำจากเทือกเขาต้นน้ำ ไหลเข้าท่วมพื้นที่ลุ่ม โดยเฉพาะอำเภอหาดใหญ่ คลองหอยโข่ง รัตภูมิ และ สทิงพระ ส่งผลให้หลายหมู่บ้านถูกตัดขาด ระบบไฟฟ้าถูกตัดเป็นบางส่วน และต้องมีการอพยพผู้สูงอายุ-ผู้ป่วยติดเตียงจำนวนหนึ่ง หน่วยงานด้านความมั่นคงและฝ่ายปกครอง อยู่ระหว่างเร่งตั้งศูนย์บัญชาการเฉพาะกิจ เพื่อติดตามสถานการณ์และให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง
CR: ฐานเศรษฐกิจ
