ข่าวประจำวัน » จ่อหมายจับฮุนเซ็น !! อธิบดีอัยการใกล้สรุปสำนวนสั่งฟ้อง หมายจับแล้ว

จ่อหมายจับฮุนเซ็น !! อธิบดีอัยการใกล้สรุปสำนวนสั่งฟ้อง หมายจับแล้ว

17 November 2025
60   0

ไทยโพสต์ – คดีคลิปเสียงคืบ ‘อธิบดีอัยการ’ เตรียมสั่งฟ้อง-ออกหมายจับฮุนเซน

อธิบดีอัยการฯ เผยใกล้สรุปคดีคลิปเสียงฮุน เซน เผยหากสั่งฟ้อง–ศาลออกหมายจับ จะทำหมายแดงส่งตำรวจสากลทั่วโลก ลั่นถึงเอาตัวมายาก แต่ทำให้เดินทางออกนอกกัมพูชาลำบาก   

16 พ.ย. 2568 – ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า จากกรณีเมื่อวันที่ 14 ก.ค. 68 ที่ผ่านมา พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (ผบก.สอท.1) นำสำนวนการสอบสวนคดี “คลิปเสียงฮุนเซน”  ให้อัยการสูงสุด พิจารณาสำนวนและมีความเห็นยื่นฟ้องต่อศาลอาญา ซึ่งคดีดังกล่าวเกิดจาก นายสมคิด เชื้อคง สมัยเป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ยุครัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน บก.สอท.1 เพื่อดำเนินคดีกับผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “Samdech Hun Sen of Cambodia” ซึ่งมีการเผยแพร่คลิปเสียงการสนทนา ระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกับ ฮุนเซน ประธานวุฒิสภาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เพราะเห็นว่าอาจเข้าข่ายเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร และความผิดอาญาอื่นที่เกี่ยวข้อง

ความคืบหน้าของเรื่องนี้ ทางนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุดเปิดเผยกับ”ไทยโพสต์”ว่า เนื่องจากคดีดังกล่าวถือว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักร ที่ตามกฎหมายให้อำนาจอัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณาว่าจะสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้องและต่อมามีการส่งสำนวนคดีมาให้สำนักงานการสอบสวนพิจารณา

“คดีคลิปเสียงฯ ตอนนี้ก็ใกล้จะสรุปสำนวนแล้ว ทางอัยการที่อยู่ในคณะทำงานฯ ประสานตำรวจไซเบอร์แล้ว เร็วๆนี้จะจบ ประเด็นของเรื่องนี้คือเผยแพร่คลิปมาแล้วทำให้เกิดความกระด้างกระเดื่องต่อประชาชนคนไทยหรือไม่ เข้าประมวลกฎหมายมาตรา 116 กับพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯหรือไม่ หากเข้าแล้วใครนำเผยแพร่ก็ถูกดำเนินคดีไป”นายวัชรินทร์กล่าว

อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวนกล่าวว่า คดีนอกราชอาณาจักร เป็นคดีที่เป็นหัวใจสำคัญของสำนักงานการสอบสวน โดยเป็นการทำงานแทนอัยการสูงสุด เพราะคนสั่งคดีคืออัยการสูงสุด หากทางสำนันงานได้รับมอบหมายให้เข้าไปกำกับโดยการไปร่วมสอบสวนกับพนักงานสอบสวน ไม่ว่าจะตำรวจหรือ ดีเอสไอ แล้วแต่ว่าสำนวนมาจากไหน     ส่วนว่ามีความยากหรือไม่สำหรับคดีคลิปเสียงฮุน เซน ก็ต้องบอกว่ายากพอสมควร เนื่องจากว่าเขาไม่ได้เป็นคนที่อยู่ในประเทศไทย แต่อยู่ต่างประเทศ ทีนี้เราต้องแสดงให้เห็นว่า ฮุน เซน  ถึงแม้บางคนจะอ้างว่าเขาจะมีเอกสิทธิ์หรือไม่ สำหรับ ฮุน เซน -ฮุน มาเนต  อย่างไรก็ตาม เราต้องมองว่า ฮุน มาเนต เป็นนายกฯกัมพูชา  แต่ฮุน เซน ไม่ได้มีตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นเราต้องสอบสวนให้ได้ความแน่ชัดว่าเขาทำผิดหรือไม่ พอได้ความแน่ชัดว่าเขาทำผิดในความผิดที่มันเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร แล้วผลมันเกิดในไทยหรือไม่

“คดีคลิปเสียงของอดีตนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ที่คุยกับ ฮุน เซน ก็มีคนมาไปแจ้งความดำเนินคดี จากนั้น ตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ก็มาร่วมทำคดีกับอัยการ  เราให้ตำรวจไปสอบโดยอัยการไปร่วมสอบ ต้องสอบให้ได้ความว่าการที่เขาปล่อยคลิปเสียงทำให้เกิดความเสียหายอย่างไรหรือไม่ ตามประมวลอาญามาตรา 116 ต้องสอบสวนจนเสร็จ หากได้ความว่าผิด ก็ต้องไปขอหมายจับศาลอาญา แล้วก็เสนอสำนวนให้อัยการศาลสูงสุดพิจารณาว่าฟ้องหรือไม่เพราะอยู่ในอำนาจอัยการสูงสุดแต่ผู้เดียว”นายวัชรินทร์กล่าว

อธิบดีอัยการสำนักงานสอบสวนกล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ก็ยังมีคดี ที่มีการกล่าวหาว่า มีการสังหารอดีตผู้นำฝ่ายค้าน(กัมพูชา) ซึ่งเหตุเกิดที่สน.ชนะสงคราม ก็มีการกล่าวหากัน โดยทางนายรังสิมันต์ โรม ร้องว่ายังไม่ได้มีการดำเนินคดีกับฮุน เซน ก็ได้ความจากที่นายรังสิมันต์ โรมร้องมาว่า ฮุน เซน โทรมาสั่งการอะไรก็ตาม ก็เป็นหน้าที่เรา ถ้าเรารับเป็นเรื่องนอกราชอาณาจักรก็ต้องไปสืบสวนสอบสวน แล้วกรรมวิธีสุดท้ายคือหมายจับ ต้องยอมรับว่าเป็นอำนาจของศาลอาญา  เพราะคดีนอกราชอาณาจักรเราจะไปขอหมายจับที่ศาลอาญา ก็อยู่ที่ท่านอธิบดีศาลอาญาจะเห็นด้วยหรือไม่ ในการออกหมายจับ ถ้าออกหมายจับได้ก็ดำเนินคดี อย่างไรก็ตามการจะไปเอาตัวเขาเข้ามามันก็เป็นเรื่องยาก แต่สิ่งที่เราจะกระทำได้ก็คือมันจะกลายเป็นว่ามีหมายจับ ถ้าหมายจับออกได้ เราจะนำหมายจับดังกล่าวเป็นหมายแดงในอนาคตที่เขาเรียกว่า Red notice เป็นการออกหมายจับเป็นหมายสากล โดยประสาน INTERPOL (ตำรวจสากล) เขาอาจจะลำบากในการเดินทาง เช่นว่า การเดินทางเข้าไปประเทศอื่นจะไม่สะดวกสบาย อาจจะไปแล้วอาจจะโดนตำรวจสากลจับก็ได้ แต่ถ้าเกิดเขากลัวก็ต้องโดนขึงพืดอยู่ในประเทศกัมพูชาของเขา อันนี้สิ่งที่เราคิด

“ เราเคยถกกันตั้งหลายคณะโดยเฉพาะชุดของความมั่นคง บางคนมองว่าจับไม่ได้ ดำเนินคดีเขาไม่ได้ เพราะเป็นผู้นำประเทศและมีเอกสิทธิ์และจะไปเอาตัวเข้ามายังไง แต่หากทุกคนคิดแบบนี้ อย่างยกตัวอย่างง่ายๆ ระเบิดที่ยิงเข้ามามีคนตาย คนบาดเจ็บ มีทรัพย์สินเสียหาย ถ้าเราคิดแบบนี้ เราทำอะไรไม่ได้เลย จะเท่ากับเราไม่ได้ทำอะไรเลย เราต้องทำก่อนจนถึงที่สุด แล้วทางศาลอาญาจะเห็นด้วยกับเราหรือไม่ในการออกหมายจับ ถูกหรือไม่ ถ้าเป็นหมายจับได้เมื่อใด ก็จะแปลงเป็นหมายแดงได้ในอนาคต และเราจะเชื่อไหมว่าฮุน เซนกับฮุน มาเนต จะอยู่ยงคงกะพันยาวไหม เพราะอายุความคดีพวกนี้ อายุความเยอะ  เช่นคดีบางเรื่องอายุความถึง 20 ปี ระหว่างนั้นเขาอาจจะไม่ได้เป็นผู้นำก็ได้ เราก็ดำเนินคดีได้”

อธิบดีอัยการสำนักงานสอบสวนกล่าวว่า ภายใต้กฎหมายไทย ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม ถ้าทำผิดกฎหมายไทย แล้วกฎหมายนั้นให้อำนาจเรา โดยประมวลกฎหมายอาญาวางหลักเกณฑ์ไว้ว่า ความผิดแม้จะเกิดนอกประเทศ แต่สามารถลงโทษในบ้านเราได้ หรือความผิดส่วนใดส่วนหนึ่งที่ทำผิดที่ต่างประเทศแต่เกิดผลในไทย เราสามารถเอาเขามาดำเนินคดีได้

“ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร คุณต้องอยู่ภายใต้กฎหมายตรงนี้ คุณมาละเมิดเรา คุณมาทำต่อกฎหมายไทย แม้ว่าจะยากเย็นแสนเข็ญเราต้องทำไว้ก่อน โดยหากศาลอาญาท่านออกหมายจับ อย่างหากเข้ามาเมืองไทยก็โดน หรือหากไม่มาเมืองไทย แต่ไปประเทศอื่นก็เสี่ยงภัย กำลังเดินอยู่ ตำรวจอินเตอร์โพลก็จับได้หมด บางคนหนีไปไกล โดยทำผิดกฎหมายไทย ยกตัวอย่างเช่น นายราเกซ สักเสนา (ผู้ต้องหาคดีธนาคารกรุงเทพพาณิชย์การ)ก็ยังไปตามจับมา ก็เป็นหน้าที่ของอัยการสำนักงานต่างประเทศ ที่จะประสานอัยการที่ต่างประเทศเพื่อนำตัวข้ามแดนส่งกลับมา หรืออย่างล่าสุดอดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ  ที่หนีคดีไปอยู่สหรัฐอเมริกา เราก็ตามกลับมาได้ เป็นเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดน”นายวัชรินทร์ระบุ