Naewnanews-นายกฯนำ 15 หน่วยงานลงนามเอ็มโอยูประกาศสงครามสแกมเมอร์ เดินหน้าปฏิบัติการ 5 เชิงรุก ขอคนไทยมั่นใจไม่มีเกรงใจใคร บอกมีอำนาจแล้วไม่ทำตายตาไม่หลับ ลั่นเคลียร์ไม่ได้-ไม่มีเกี้ยเซียะ ลุยลูกเดียว
วันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 เวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding: MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเป็นการลงนามบันทึกความเข้าใจ 14 หน่วยงาน คือ 1.สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) 2.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) 3.สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) 4.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) 5.กระทรวงยุติธรรม 6.กระทรวงมหาดไทย 7.กระทรวงการคลัง 8.กระทรวงการต่างประเทศ 9.ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) 10.สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) 11.สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) 12.กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) 13.สมาคมธนาคารไทย 14.สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ และ 15. กระทรวงพาณิชย์ โดยมีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯและรมว.คลัง นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมต. ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสันติ ปิยะทัต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดํา อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมด้วย
จากนั้นนายกฯเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจฯ และประกาศสงครามกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยนายกฯกล่าวว่า วันนี้ตนในนามรัฐบาลและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่เป็นผู้บริหารของหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจและตัวแทนภาคเอกชนได้มาร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างพร้อมเพรียงกันวันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่ประเทศไทยของเราได้มีการรวมตัวประกาศสงครามกับอาชญากรรมออนไลน์สงครามนี้เป็นสงครามที่เราจะต้องชนะเท่านั้น เพื่อปกป้องประชาชนทุกคนจากภัยสแกมเมอร์ที่กำลังบ่อนทำลายประเทศอยู่ทุกวัน เพราะเมื่อหนึ่งคนเป็นเหยื่อครอบครัวทั้งครอบครัวก็ได้รับผลกระทบทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจตลอดจนชีวิตความเป็นอยู่ของคนจำนวนมากต้องประสบกับความทุกข์ร้อนและความเครียดอย่างแสนสาหัสศักยภาพชื่อเสียงและความเชื่อมั่นของประเทศถูกบ่อนทำลายจากการกระทำของมิจฉาชีพ ชื่อเสียงที่ต้องเสื่อมเสียภาพลักษณ์ที่ถูกบั่นทอน มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยในด้านการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ความเสียหายที่ซ่อนอยู่จากภัยของอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเหล่านี้มีมากมายจนไม่สามารถที่จะประเมินค่าได้
นายกฯ กล่าวต่อว่า นี่คือภัยแห่งความมั่นคงอันดับต้นๆของประเทศ ซึ่งรัฐบาลของตนได้ประกาศอย่างชัดเจนว่าอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นวาระแห่งชาติที่รัฐบาลจะต้องแก้ไขป้องกันและปราบปรามให้สูญสิ้นไปให้จงได้ ดังนั้นการรวมพลังลงนามบันทึกความเข้าใจในวันนี้สิ่งที่เราได้ร่วมกันลงนามไปนั้นไม่ใช่เป็นแต่เพียงเอกสาร แต่คืออาวุธที่เราจะใช้ในการต่อสู้กับอาชญากรอย่างเป็นระบบ เพราะนี่คือวาระแห่งชาติ ไม่ใช่ภารกิจของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง แต่เป็นภารกิจร่วมกันของประเทศ รัฐบาลพร้อมสนับสนุนในทุกด้านทั้งงบประมาณเทคโนโลยีและนโยบายทรัพยากรทุกสิ่ง เพื่อให้การปฎิบัติภารกิจปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งออนไลน์สแกมเมอร์ให้เห็นผลจริงทั้งในระยะสั้นและยั่งยืนในระยะยาว เพื่อประเทศไทยของเราจะได้เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัย จากภัยสแกมเมอร์ให้กับประชาชนและต้องทำให้เป็นดินแดนต้องห้ามของอาชญากรรมทุกรูปแบบ ประเทศไทยต้องปลอดภัยจากสแกมเมอร์ ซึ่งเอ็มโอยูอยู่ที่ว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีฉบับนี้มีจุดประสงค์เพื่อเดินหน้าปฏิบัติการเชิงรุกใน 5 ด้านหลักคือ 1.บังคับใช้กฎหมายอย่างเฉียบขาดไม่ว่าจะเป็นผู้กระทำความผิดหรือผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง 2.สร้างระบบประสานงานแบบบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลข่าวกรองและการสืบสวน 3.ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องทันทีตัดเส้นทางการเงินอาชญากรไม่ให้ใช้ประเทศไทยเป็นฐานฟอกเงินได้อีกต่อไป
นายกฯ กล่าวอีกว่า 4. ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและเอไอในการตรวจจับเส้นทางเงินและพฤติกรรมของมิจฉาชีพ เพื่อสกัดก่อนที่จะเกิดเหตุ และ5.เป็นสิ่งที่สำคัญมาก คือ การสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนได้มีความรู้เท่าทันและต้องมีการแจ้งกระแส เพื่อให้ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ ได้ระมัดระวังและพร้อมกันนี้ให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตาเป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้กับสงครามป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในครั้งนี้ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
นายกฯ กล่าวต่อว่า ภาพที่ปรากฏกับท่านทั้งหลายในวันนี้น่าจะมีความชัดเจนว่ารัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญกับปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันไปว่าเราไม่ได้ให้ความสำคัญ เราเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นเจ้าของสแกมเมอร์ เป็นผู้ที่มีส่วนร่วมผมคิดว่าภาพในวันนี้คงปรากฏและทำให้ชัดเจนเป็นที่ประจักษ์ชัดว่าไม่มีใครที่จะมีความอดทนต่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่ทำร้ายประเทศไทยทุกท่าน ที่ปรากฏตัวร่วมกันลงนามบนเวทีแห่งนี้เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ได้เดินทางมาถึงจุดสูงสุดในการเป็นผู้บริหารองค์กร ที่แต่ละท่านรับผิดชอบอยู่ไม่มีอะไรที่จะต้องทำให้ท่านหวั่นไหวในอนาคต
“สิ่งที่ทุกท่านรวมถึงตัวของผมด้วยมีความมีเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ที่จะปฏิบัติก็คือจะต้องร่วมกันปราบปรามปกป้องประชาชนชาวไทยให้ปลอดภัยจากภัยสแกมเมอร์เหล่านี้ให้จงได้ พวกเราทุกคนมีอายุราชการเหลือไม่กี่ปีแล้ว ผมมั่นใจว่าพวกเราทุกคนที่อยู่บนที่แห่งนี้เป็นเพื่อนกันหมด เป็นพี่เป็นน้อง ไม่ได้เป็นผู้บังคับบัญชา เป็นแต่เพียงสายงานเท่านั้น แต่ความรู้จักความผูกพันความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน คือเป็นทั้งเพื่อนทั้งพี่ เป็นน้องที่เราสามารถที่จะแสวงหาความร่วมมือและสร้างพลัง ใช้โอกาสนี้และใช้ความเป็นพี่น้อง เป็นหัวหน้ารัฐบาล และเป็นเพื่อนรักกับผบ.ตร. เป็นพี่ของอธิบดีดีเอสไอ เป็นพี่ของผู้ว่าฯแบงค์ชาติเป็นเพื่อนร่วมงานของปลัดกระทรวงหลายท่านและเป็นคนตั้งปลัดกระทรวงมหาดไทย เพราะฉะนั้นผมจะไม่มีวันที่จะต้องเกรงใจใครที่ตั้งใจจะมาทำร้ายประชาชนของผมต้อง ขอให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ ผมรู้จักเพื่อนพี่น้องของผมเหล่านี้ดีพวกเราจะไม่มีวันหมดหน้าที่ หรือแม้เกษียณอายุราชการไปแล้ว บอกกับตัวเองไม่ได้ว่าในขณะที่มีอำนาจมีหน้าที่ มีภารกิจอยู่ไม่ทำเรื่องให้สำเร็จปล่อยให้ประชาชนเดือดร้อน ตายตาไม่หลับ”นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า พวกเราทุกวันมาถึงจุดนี้ได้เราต้องทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ด้วยเกียรติยศและได้ทำหน้าที่ที่ตนเองได้รับมอบหมายมาอย่างสุดความสามารถ เพราะฉะนั้นวันนี้รัฐบาลและคณะรัฐรัฐบาลทุกคนขอให้ความมั่นใจว่าเรื่องนี้เคลียร์ไม่ได้และเรื่องนี้ไม่มีเกี้ยเซียะ เรื่องนี้มีแต่ลุยลูกเดียวเท่านั้นท และเราจะถือว่าสิ่งเหล่านี้คือผลงานของเรา คือบุญคุณของประชาชนที่เราจะนำมาทดแทนและเป็นสิ่งที่เราจะต้องทำขึ้นมา เพื่อเป็นการขออภัยประชาชนในสิ่งที่เกิดความเสียหายที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา เราตั้งใจจะทำอย่างเต็มที่ ขอให้ประชาชนมีความมั่นใจในทีมของเรา ทีมไทยแลนด์
ด้านนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ในวันที่ 10 พ.ย.นายกฯ จะเดินทางลงพื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อส่งตัวผู้ที่ข้ามแดนผิดกฎหมาย ซึ่งข้ามจากเคเค พาร์ค (KK Park) เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมายังประเทศไทย ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวถือเป็นแหล่งอาชญากรรมร้ายแรงระดับโลก ที่เมียนมาได้กวาดล้าง และบุคคลเหล่านี้ได้ข้ามมาสู่ประเทศไทย
